TRAVEL TOOLS

 

id7500003000070


 


 

 

หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจา พระสมเด็จดอกบัวบาน ปี 37 เนื้อผงพุทธคุณ จ.อยุธยา เจ้าตำหรับ ๕ ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ หมาก ไม้ครู)

รหัสสินค้า: 000202

ราคา: 5,000.00 บาท

รุ่น: หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจา พระสมเด็จดอกบัวบาน ปี 37 เนื้อผงพุทธคุณ จ.อยุธยา เจ้าตำหรับ ๕ ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ หมาก ไม้ครู)

 

รายละเอียด: หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจา พระสมเด็จดอกบัวบาน ปี 37 เนื้อผงพุทธคุณ จ.อยุธยา เจ้าตำหรับ ๕ ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ หมาก ไม้ครู)

#หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจา พระสมเด็จดอกบัวบาน ปี 37 เนื้อผงพุทธคุณ จ.อยุธยา เจ้าตำหรับ ๕ ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ หมาก ไม้ครู) พระอริยสงฆ์แห่งท้องทุ่งบางบาล ต้องยกให้ หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ วัดโพธิ์กบเจาศิษย์เอกหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก นับได้ว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าด้วยวิชาอาคมและพลังจิต เอกลักษณ์ที่โดดเด่นส่งผลให้กิตติศัพท์ของหลวงพ่อเมี้ยนระบือลือเลื่อง ก็คือการบำบัดรักษาโรคร้ายสารพัด และการขจัดปัดเป่าขับไล่ภูติผีปีศาจด้วยอำนาจจิตที่แข็งกล้าประกอบกับคาถาอาคมที่เข้มขลัง ซึ่งหลวงพ่อท่านเจนจัดและเชี่ยวชาญยากจะหาใครเปรียบ เหตุนี้จึงไม่เป็นเรื่องแปลกเลยที่ในอดีต แต่ละวันจะมีผู้คนทั้งใกล้ไกลเดินทางสู่วัดโพธิ์กบเจา เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากหลวงพ่อเมี้ยนจนแน่นกุฎิแทบไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงท่านจะต้องถูกนิมนต์ไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ น้อยใหญ่ทั่วประเทศสม่ำเสมอ นี่แหละ!! หลวงพ่อเมี้ยน แห่งวัดโพธิ์กบเจา พระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าด้วยวิชาอาคมและพลังจิต เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมบริสุทธิ์อันสูงยิ่หลวงพ่อจงได้ถ่ายทอดวิชาการเพ่งกสิณต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติให้แก่หลวงพ่อเมี้ยนอย่างไม่ปิดบัง โดยสอนควบคู่กับ หลวงพ่อนิล พระน้องชายของหลวงพ่อจงซึ่งมีอาคมแก่กล้าไม่เป็นรองหลวงพ่อจงเท่าไหร่นัก

ประวัติ พระครูพุทธสิริวัฒน์ (หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ) วัดโพธิ์กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

 

 

        หากจะกล่าวถึงฉายา เจ้าตำหรับ ๕ ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ หมาก ไม้ครู)  ของพระอริยสงฆ์แห่งท้องทุ่งบางบาล ต้องยกให้ หลวงพ่อเมี้ยน พุทธสิริ วัดโพธิ์กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นับได้ว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าด้วยวิชาอาคมและพลังจิต เอกลักษณ์ที่โดดเด่นส่งผลให้กิตติศัพท์ของหลวงพ่อเมี้ยนระบือลือเลื่อง ก็คือการบำบัดรักษาโรคร้ายสารพัด และการขจัดปัดเป่าขับไล่ภูติผีปีศาจด้วยอำนาจจิตที่แข็งกล้าประกอบกับคาถาอาคมที่เข้มขลัง ซึ่งหลวงพ่อท่านเจนจัดและเชี่ยวชาญยากจะหาใครเปรียบ เหตุนี้จึงไม่เป็นเรื่องแปลกเลยที่ในอดีต แต่ละวันจะมีผู้คนทั้งใกล้ไกลเดินทางสู่วัดโพธิ์กบเจา เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากหลวงพ่อเมี้ยนจนแน่นกุฎิแทบไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงท่านจะต้องถูกนิมนต์ไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ น้อยใหญ่ทั่วประเทศสม่ำเสมอ      นี่แหละ!! หลวงพ่อเมี้ยน แห่งวัดโพธิ์กบเจา พระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าด้วยวิชาอาคมและพลังจิต เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมบริสุทธิ์อันสูงยิ่

   ชาตภูมิ

          หลวงพ่อเมี้ยน พุทฺธสิริ ท่านมีนามเดิมว่า "เมี้ยน" เกิดในตระกูล "เกิดโภคทรัพย์" เมื่อวันพฤหัสบดีเดือนยี่ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ บ้านหาดทราย หมู่ 9 ต.กบเจา อ.บางบาล จ.อยุธยา เป็นบุตรของ คุณพ่อแก้ว และ คุณแม่ทองม้วน ในตระกูล "เกิดโภคทรัพย์" ท่านเป็นบุตรคนที่3 ในจำนวนพี่น้องจำนวน 8 คน  

      เนื่องจากบิดาของท่านเป็นหมอยากลางบ้าน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแผนโบราณ วินิจฉัยโรค และวางยาให้ตรงกับโรค ไม่ว่าหมอที่ไหนจะรักษาไม่ได้ ถ้ามาหาหมอแก้วแล้วเป็นหายกลับไปทุกราย จนชาวบ้านให้ฉายาว่า "หมอแก้วเทวดา" ด้วยเหตุนี้ทำให้หลวงพ่อเมี้ยน ได้รับถ่ายทอดความรู้และความเข้าใจ ด้านสมุนไพร และ ตัวยาแผนโบราณต่างๆ จากบิดาของท่าน 

  อุปสมบท

 

  ครั้งเมื่ออายุเข้า 21 ปี ท่านจึงตัดสินใจอุปสมบท ณ วัดโพธิ์ อ.บางบาล จ.อยุธยา ในปี พ.ศ. 2481

  พระครูปุ้ย วัดธรรมโชติการาม (วัดขวิด) เป็นพระอุปัชฌาย์

  พระอธิการหลิ่ว วัดพิกุลโสคันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

  พระครูหลิ่ม วัดโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์  

  ได้รับฉายาว่า " พุทธสิริ " 

     เมื่อรับพระกรรมฐานจากพระอุปัชฌาย์แล้ว ภิกษุเมี้ยนก็เริ่มต้นพากเพียรปฏิบัติกภาวนาสมาธิ อย่างจริงจัง ท่านเห็นว่าการได้เข้ามาอุปสมบทในบวรพระพุทธศานานั้นนับได้ว่าเป็นผู้โชคดีมหาศาลซึ่งนอกจากจะได้บำเพ็ญบุญอย่างเต็มที่แล้ว ยังได้อานิสงค์อันไพศาลอีกด้วย   การศึกษาพุทธาคม

   หลังจากบวชได้ ๗ พรรษาหลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์แทนเจ้าอาวาสองค์ก่อนที่มรณภาพลง เมื่อปี พ.ศ.2487 ในสมัยนั้น จังหวัดอยุธยามีพระคณาจารย์อยู่มากมายหลายรูปด้วยกัน โดยแต่ละรูปล้วนทรงพระเวทวิทยาคม เป็นที่เลื่องลือ หลวงพ่อเมี้ยนจึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ โดยอาศัยฐานความรู้และความกตัญญู ที่โยมบิดาได้สอนสั่งแนะแนวทางไว้ให้ ทำให้พระคณาจารย์ทุกรูปที่หลวงพ่อเมี้ยนไปหาต่างก็มอบวิชาอาคมความรู้ต่างๆให้ด้วยความเต็มใจ ซึ่งพระคณาจารย์ที่หลวงพ่อเมี้ยนได้ไปฝากตัวศึกษาวิชาอาคมในสมัยนั้น มีดังนี้

หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จ.อยุธยา

      กิตติศัพท์ของหลวงพ่อขันในสมัยนั้น เป็นที่เลื่องลือด้านคงกระพันชาตรีเป็นเลิศ สามารถเสกใบไม้ให้กลายเป็นตัวต่อตัวแตนบินกันให้ว่อน เสกพระเครื่องรางให้เด่นเป็นมหาอุดหยุดลูกปืน ที่เป็นของขึ้นชื่อเลยก็คือ เชือกคาด หากจะดูเผินๆก็เหมือนเชือกสนตะพายควายธรรมดาๆ แต่อานุภาพสูงเหลือหลาย ขนาดลงน้ำปลิงไม่ได้กินเลือด เคียวเกี่ยวคอกระชากยังไม่เป็นอะไร ชาวบางบาลในสมัยนั้นใครไม่มีเชือกคาดของหลวงพ่อขันไว้ติดตัวเป็นไม่ได้    

      ครั้นเมื่อหลวงพ่อเมี้ยนล่วงรู้ถึงกิตติศัพท์ของหลวงพ่อขัน จึงทำให้เกิดความศรัทธาขึ้นในจิตใจจนต้องเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชา ครั้งแรกที่พบหลวงพ่อขันได้สำแดงฤทธิ์ทำน้ำมนต์เดือดให้หลวงพ่อเมี้ยนชม และยังทำน้ำมนต์ให้หมุนในบาตรอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ก่อนที่จะสอนวิชาทำน้ำมนต์ดังกล่าวให้หลวงพ่อเมี้ยนจนหมดสิ้นและยังได้มอบวิชาน้ำมนต์สารพัดนึกให้อีกด้วยนอกจากวิชาทำน้ำมนต์แล้ว ยังมีวิชาคงกระพันและเมตตา รวมถึงอักขระเลขยันต์ต่างๆ ที่หลวงพ่อขันมอบให้โดยไม่ปิดบัง     

   

  

        หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา หลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่ยิ่งด้วยบารมีธรรมสูง สงเคราะห์ญาติโยมโดยไม่เลือกชั้นวรรณะแต่อย่างใด ทำให้มีศรัทธาสาธุชนอยู่ทั่วทุกสารทิศ สรรพวิชาของท่านได้ตำราเทวดา "พระคาถาปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์" จากสวรรคโลกมาสร้างพระเนื้อดินเผาได้โด่งดัง และอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นพระหมอรักษาโรคภัยต่างๆ ถอดถอนคุณไสย ปัดเป่าสยบภูตผีปีศาจ      ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อเมี้ยนจึงคิดที่อยากจะฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อนำสรรพวิชาของหลวงพ่อปานมาสงเคราะห์ญาติโยม หลวงพ่อปานได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บปัดเป่าคุณไสยฯ คุณผีคุณคน ให้หลวงพ่อเมี้ยนอย่างเต็มกำลัง และหลวงพ่อปานยังได้ถ่ายทอด"วิชาเกราะเพชร"เพิ่มเติมให้แก่หลวงพ่อเมี้ยนอีกด้วย ซึ่งหลวงพ่อเมี้ยนได้อาศัยลบผงยันต์เกราะเพชรสร้างเป็นวัตถุมงคลต่างๆของท่านมาจนทุกวันนี้      

หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา

       อริยสงฆ์รูปนี้เป็นสหธรรมมิกร่วมสมัยกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เชี่ยวชาญด้านกสิณต่างๆเป็นเลิศ อิทธิฤทธิ์ของหลวงพ่อจงนั้นสามารถเดินฝ่าสายฝนไปได้โดยที่ตัวท่านไม่เปียก แม้แต่เดินบนผิวน้ำหลวงพ่อจงท่านก็ทำได้ แต่ไม่ค่อยมีคนได้เห็น นอกจากนั้น หลวงพ่อจงยังมีอาคมแก่กล้าเสกตะกรุด เสกเหรียญเพียงแต่เป่าลมลงไปพ้วงเดียวก็ให้นำมาแจกจ่ายกันได้ บางคนไม่เชื่อหาว่าพ้วงเดียวมันจะได้การอะไร เอาปืนทดลองยิงก็ไม่ออก จึงเชื่อเรื่องพ้วงเดียวของหลวงพ่อจงมาก หลวงพ่อจงเป็นพระที่มีภูมิธรรมสูงมาก เชื่อกันว่าท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์เพราะวัตรปฏิบัติของท่านบางอย่างนั้นชี้ชัดว่าท่านถือทางไปสู่อรหันตภูมิ

   หลวงพ่อจงได้ถ่ายทอดวิชาการเพ่งกสิณต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติให้แก่หลวงพ่อเมี้ยนอย่างไม่ปิดบัง โดยสอนควบคู่กับ หลวงพ่อนิล พระน้องชายของหลวงพ่อจงซึ่งมีอาคมแก่กล้าไม่เป็นรองหลวงพ่อจงเท่าไหร่นัก 

 

หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์ จ.นครสวรรค์

     หลวงพ่อเมี้ยนสมัยที่ออกจาริกธุดงค์เดียวดายเรื่อยไป กระทั้งครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจาริกธุดงค์อยู่กลางป่าลึกคงเป็นเพราะวาสนาบารมีประกอบกับปณิธานความตั้งใจมั้นที่จะแทนคุณชาวบ้านทำให้ท่านธุดงค์ไปพบศิษย์ตถาคตรูปหนึ่งซึ่งสูงด้วยวัยและพรรษาบวชท่านเป็นภิกษุที่เชี่ยวชาญในการเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับกระดูกภิกษุรูปนั้นชื่อ" อินทร์" แต่ชาวบ้านตั้งฉายาให้ท่านและเรียกขานกันจนติดปากว่า " หลวงพ่ออินทร์ เทวดา"

       หลวงพ่อเมี้ยนท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังว่า ท่านเห็นกับตาว่าหลวงพ่ออินทร์ท่านเก่งกาจในด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บอย่างยากที่จะหาตัวจับ ขนาดช้างป่าถูกลูกปืนพรานหนีกระเซอะกระเซิงไปรอความตายอยู่กลางดง หลวงพ่ออินทร์ท่านยังช่วยรักษาให้โดยใช้น้ำมันมนต์หยดลงไปในบาดแผลที่กระสุนฝังอยู่และประสานทับด้วยคาถาอาคมอันเข้มขลังของท่าน เพียงครู่เดียวหัวกระสุนก็ไหลตามน้ำมนต์ออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ แต่นี้เจ้าช้างหนุ่มผู้บาดเจ็บกลับยอมนอนสงบนิ่ง ด้วยพลังเมตตาบารมีของหลวงพ่ออินทร์ เทวดา และยอมให้ท่านได้รักษาบาดแผลแต่โดยดี จนในที่สุดช้างป่าเชือกนั้นก็รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปได้

       ด้วยวิชาอาคมอันเข้มขลังของหลวงพ่ออินทร์ ทำให้หลวงพ่อเมี้ยนเกิดศรัทธาเลื่อมใสถึงขนาดปวารณาตัวขอเป็นศิษย์คอยติดตามรับใช้และร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆ ซึ่งหลวงพ่ออินทร์ท่านก็เมตตารับตัวหลวงพ่อเมี้ยนไว้เป็นศิษย์และได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆให้อย่างไม่ปิดบัง จากนั้นหลวงพ่อเมี้ยนก็ยังได้ติดตามหลวงพ่ออินทร์ไปจนถึงวัดเกาะหงษ์ จ.นครสวรรค์ อันเป็นวัดของหลวงพ่ออินทร์

   กาลเวลาผ่านไปเมื่อหลวงพ่อเมี้ยนเชี่ยวชาญเจนจัดวิชาต่างๆที่ได้รับถ่ายทอดให้จนหมดไส้หมดพุงท่านก็กราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางสู่มาตุภูมิคือวัดโพธิ์กบเจา บางบาล อยุธยา และหลังจากนั้นญาติโยมส่วนมากจะมาให้หลวงพ่อเมี้ยนท่านบำบัดโรคภัยหรืออาการบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระดูกส่วนไหนหักหรือเดาะ หากมาที่วัดโพธิ์กบเจาเป็นต้องหายทุกราย ชื่อเสียงของหลวงพ่อเมี้ยนก็เริ่มขจรขจายออกไปเรื่อยๆ 

หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โท จ.อยุธยา           

   

      หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โท ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสคัณฑ์ อาจารย์ใหญ่ยุคโบราณของเมืองกรุงเก่าตำรับตำราสำคัญๆของหลวงพ่อปั้น ก็ตกทอดมาอยู่กับหลวงพ่อห่วงทั้งหมด หลวงพ่อท่านสำเร็จวิชา"เมตตามหานิยมและมหาจินดามณี" ไม่ว่าจะไปทางใดก็จะมีผู้คนมาลุมล้อมคอยขอของดี

       วิชาดังกล่าวได้ถ่ายทอดให้หลวงพ่อเมี้ยนไว้ก่อนที่หลวงพ่อห่วงจะมรณภาพไม่นานนัก หลวงพ่อเมี้ยนจึงเป็นศิษย์แต่เพียงผู้เดียวของหลวงพ่อห่วงที่ได้วิชานี้มา

 

หลวงพ่อเลียบ วัดเลา จ.กรุงเทพฯ         

               ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก หลวงพ่อเลียบ วัดเลา กทม. เป็นพระเถระที่มีอาคมแกร่ง โดยเฉพาะในด้านมหาอำนาจ ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งกบฎผีบุญที่ภาคอีสานก่อการกำเริบส้องสุมผู้คนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์ และยุยงสงฆ์ให้กระด้างกระเดื่องต่อทางบ้านเมือง ถึงกับเขียนจดหมายท้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวโรรส ว่าถ้าเก่งจริงใหลงไปจับด้วยตนเอง และ

ให้ตรียมหม้อใหม่ไปใส่กระดูกกลับลงมาด้วยหลวงพ่อเลียบได้รับอาสาไปจัดการแทนสมเด็จพระสังฆราช ด้วยความเต็มใจ

   เมื่อเดินทางไปถึงท่านก็ได้ไปจำวัดในแพริมแม่น้ำแต่พวกกบฎผีบุญได้ยกกันมาจะทำร้ายท่านโดยมีผีบุญนั่งเสลี่ยงคานหามมาอย่างยโสโอหังมาถึงก็หยุดอยู่บนตลิ่ง แล้วประกาศให้หลวงพ่อเลียบออกไปทำความเคารพ หลวงพ่อเลียบท่านสำรวมจิตร่ายพระเวทย์ "ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์"แล้วพุ่งตัวออกไปร้องตวาดพวกผีบุญ พลันก็เกิดฟ้าผ่าและเกิดลมพายุพัด พวกหาบคานหามผีบุญตกตะลึงตัวสั่น ทิ้งคานหามผีบุญถึงกับหัวทิ้มลงมา ที่เหลือพากันทิ้งอาวุธหนีเอาตัวรอดไปจนหมด เช้ารุ่งขึ้นหลวงพ่อเลียบ ได้สอบสวนพฤติกรรมของผีบุญแล้วก็เดินทางกลับมาถวายรายงานต่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในที่สุดทางบ้านเมืงได้ยกกองทัพไปปราบผีบุญและก็ได้ตายในที่สุด กล่าวกันว่าที่อาคมของผีบุญเสื่อมก็เพราะหลวงพ่อเลียบท่านได้ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์สยบไว้นั่นเอง

      หลวงพ่อเมี้ยนได้เรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อเลียบที่วัดเลา จนสำเร็จก่อนจะจาริกกลับสู่วัดโพธิ์กบเจา และหลังจากกลับมาแล้วยังได้ไปเรียนพระคาถาและอักขระต่างๆจากหลวงพ่อ" อยู่ "วัดโบสถ์ ซึ่งได้ตำราตกทอดมาจากวัดประดู่ทรงธรรม หลวงพ่ออยู่ท่านได้มีเมตตาหลวงพ่อเมี้ยน จึงได้ยกตำราทั้งหมดให้มารักษาไว้ หลังจากได้รับมอบครอบครองตำราอักขระ ของวัดประดู่ทรงธรรมมาแล้วหลวงพ่อเมี้ยนก็ได้ศึกษาและบูชาครูอยู่เป็นนิจ ด้วยว่าพระอาจารย์อยู่ได้สั่งไว้ก่อนมรณภาพว่า ตำราสมุดข่อยวัดประดู่ทรงธรรมนี้ มีวิญญาณบูรพาจารย์คอยรักษาอยู่ ผู้ใดได้ไปอย่าได้นิ่งดูดาย หมั่นสาธยายหมั่นไหว้ครูบูรพาจารย์ จักเจริญยิ่งยืนนานตลอดไป

  

"นะฉัพพรรณรังสี" ยันต์ครูของหลวงพ่อ 

   สองปีเต็มที่ตำรามาอยู่กับหลวงพ่อเมี้ยน ได้รับการบูชาอย่างสม่ำเสมอ จนในคืนวันหนึ่งหลวงพลังแห่งเมตตาธรรมพ่อเมี้ยนก็เกิดนิมิตประหลาด ในนิมิตนั้น.....มีพระภิกษุวัยชราครองจีวรงดงามเดินเข้ามาหาที่หน้ากุฏิของหลวงพ่อเมี้ยน ขณะนั้นท่านกำลังนั่งดูตำราอยู่ พอมาถึงพระรูปนั้นก็นั่งลงต่อหน้า แล้วกล่าวว่า "เธอเป็นคนดี มีกตัญญูต่อบูรพาจารย์ ฉันจึงต้องมาหาเธอในคืนนี้ ฉันชื่อ "รอด" เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ (วัดประดู่ทรงธรรม) เมื่อก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา ฉันได้เล่าเรียนตำรานี้แล้วทรงตำราไว้ กระทั้งกรุงศรีอยุธยาแตก ตำรานี้จึงได้ถูกขนย้ายออกมาพร้อมกับฉัน จนได้ตกทอดมาถึงเธอ ฉันจะมามอบยันต์ประจำตัวของฉันให้เธอหนึ่งตัว อยู่ในสมุดข่อยนั่นแหละ แต่ฉันจะสอนเคล็ดลับให้ "

         จากนั้นหลวงพ่อรอด (เสือ) ก็ได้สอนการเขียนอักขระที่เรียกว่า "นะฉัพพรรณรังสี" อันเป็นสุดยอดของยันต์ทางเมตาตามหานิยม แคล้วคลาด หลวงพ่อรอดได้สอนวิชาทั้งหมดให้ในนิมิต จนในที่สุดหลวงพ่อเมี้ยนก็จดจำได้ พอรุ่งเช้าขึ้นมาหลวงพ่อตื่นจากจำวัดแล้วยันต์นั้นก็ติดตาหลวงพ่ออยู่ หลวงพ่อได้เอาดินสอเขียนยันต์ทั้งหมดไว้ในกระดาษและถือว่าเป็นยันต์ครูของหลวงพ่อ ตั้งแต่ได้ นะฉัพพรรณรังสีมาแล้ว

หลวงพ่อบอกว่ารู้สึก อักขระทั้งหลายที่ได้เล่าเรียนไว้ผนึกกันเป็นหนึ่งเดียวและสมาธิก็มั่นคงและมีกำลังกล้าแข็งขึ้น

พลังแห่งเมตตาธรรม

         ด้วยความมีเมตตาของหลวงพ่อเมี้ยนและวิชาความรู้ต่างๆที่หลวงพ่อได้เล่าเรียนมานั้นท่านได้นำมาใช้สงเคราะห์แก่ญาติโยมผู้เคราะห์ร้าย โดยมิได้เห็นแก่อามิสสินจ้างหรือลาภยศแต่ประการใด ประกอบกับหลวงพ่อเป็นพระกรรมฐานที่มีพลังจิตสูง จึงทำให้หลวงพ่อเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังองค์หนึ่งของยุค ในงานพิธีปลุกเสกครั้งสำคัญๆหลวงพ่อจะเป็นองค์หนึ่งที่ได้รับอาราธนาให้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกเสมอมา

         ทางด้านการสงเคราะห์ญาติโยมด้วยวิชาแผนโบราณ ก็มีญาติโยมที่ป่วยไข้จากทั่วสารทิศเดินทางมารับการสงเคราะห์จากหลวงพ่อ ท่านไม่เคยเบื่อหน่ายในการสงเคราะห์ญาติโยม จะมากันมากมายขนาดไหน ท่านทำการสงเคราะห์ให้จนทั่วถึง กลางวันยังไม่หมดก็ต่อกลางคืน ดึกดื่นจนตีหนึ่ง ตีสอง หลวงพ่อยังนั่งรักษาคนไข้อยู่มีให้เห็นเป็นประจำ หลวงพ่อโด่งดังมากเรื่องรักษากระดูก เส้นเคล็ดยอก ปวดเมื่อย ผีเข้าเจ้าสิง ถูกคุณไสยฯ เรียกว่าน้อยรายเต็มทีที่มาหาหลวงพ่อแล้วจะไม่หาย ส่วนมากหายหมด 

 

 

วาระสุดท้ายแห่งชีวิต

     ในช่วงต้นปี พ.ศ.2541 หลวงพ่อเมี้ยนเริ่มมีอาการอาพาธจากการก่อตัวของมะเร็งในช่องปากบริเวณแก้มด้านขวา ซึ่งมีผลข้างเคียงมาจากการฉันหมาก ซึ่งหลวงพ่อได้พิจารณาและ"ปลงตกในกองสังขารที่ไม่เที่ยงแท้ ล้วนเกิดมาด้วยวิบากกรรมกันทั้งสิ้น" จวบจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2541 เวลาประมาณ 16.00 น. ท่านจึงได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ 81 ปี 60 พรรษา

 

 

******************************************************

 


@----------- ศิษย์รักหลวงพ่อ สายตรง -----------@
@--------------------- ขอบคุณครับ ---------------------@
---------------- รับประกันความแท้ 100% -----------------
--------- เพื่อนๆท่านใดสนใจโทรติดต่อด่วนครับ ---------
--------------- พร บางระจัน 081-7842076 ----------------

 

 

 

 

 

 

 


 

THAILAND AMULET CENTER |CHIANGMAI OFFICE E
211/45 the City Villa, Soi Ladprao 126
Ladprao Rd, Kwang Prapla,Wang Thong Lang district
Bangkok 10310 Mobile :66-093-3361995     e-mail:amuletcenter@hotmail.com
พระเครื่องเมืองสยาม| โดย พร บางระจัน:
236/2 หมู่ 5 ,ถนน เชียงใหม่ ลำพูน ,ตำบลยางเนิ้ง,อำเภิสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140
Tel: 66-053-963029,66-093-3361995  Fax : 66-53-963029
Mobile : 66-093-3361995   e-mail:amuletcenter@hotmail.com
Copyright © 2006 Thailand Amulet Center. Website Terms of Use   |   Privacy Statement Find us on Youtube Facebook