@@ ยันต์จืน (ตะกรุดโทนตะกั่ว) 
									หลวงปู่ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซ ลำพูน 
									หายากกกกก @@@ ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซ 
									ท่านเป็นศิษย์สายครูบาเจ้าศรีวิไชยอีกรูปหนึ่ง 
									ที่คอยอุปฐากรับใช้ครูบาเจ้าศรีวิไชย และ 
									ยังช่วยครูบาเจ้าไปบูรณะวัดวาอารามต่างๆมากมาย 
									ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีศรัทธาญาติโยมเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก 
									ลักษณะของตะกรุดโทนดอกนี้เป็นเนื้อตะกั่ว 
									และตะกั่วที่ท่านเอามาทำตะกรุดนั้น 
									ได้เอาจากหลังกระจกสีที่ใช้ 
									ติดตามหน้าบรรณวิหาร และ ตามเจดีย์ในสมัยก่อน 
									เมื่อชำรุดตกหล่นลงมาท่านจึงได้นำเอามาทำเป็นตะกรุด 
									ไว้แจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา
 
								
									
									"หลวงปู่ครูบาอินตา วัดห้วยไซ"
									พระครูถาวรวัยวุฒิ (หลวงปู่ครูบาอินตา 
									อินฺทปัญฺโญ)
วัดห้วยไซ ตำบลห้วยยาบ 
									อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน 
									อัตโนประวัติของหลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ 
									วัดห้วยไซ ท่านเกิดเมื่อวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ 
									เหนือ ปี มะเส็ง(งูเล็ก) ตรงกับ วันเสาร์ ที่ 
									๖ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ ณ บ้านห้วยไซ 
									ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน 
									มีนามเดิมว่า อินตา นามสกุล ปาลี เป็นบุตรของ 
									นายก๋อง นางก๋ำ นามสกุล ปาลี 
									เป็นคนที่มีเชื้อสายยอง 
									มารดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็กไม่รู้ความ 
									ท่านจึงได้รับการเลี้ยงดูจากบิดาจนอายุท่านได้ 
									๙ ขวบ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์วัด(ขะโยม)ที่วัดห้วยไซเพื่อจะได้รับการศึกษาเล่า 
									เรียน ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนเช่นปัจจุบัน 
									เด็กชายอินตา 
									จึงได้เรียนภาษาพื้นเมืองตามแบบสมัยนิยม 
									และได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรขณะอายุได้ ๑๓ ปี 
									พ.ศ.๒๔๖๑ ณ วัดห้วยไซ 
									โดยมีพระภิกษุพุธเป็นผู้บวชให้ 
									หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้วจึงได้ไปศึกษาภาษาไทยกลางเพิ่มเติมที่สำนักวัด 
									สันก้างปลา(วัดทรายมูลในปัจจุบัน) 
									อำเภอสันกำแพง โดยมีพระครูอินทนนท์ เจ้าอาวาส 
									(ท่านเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่เก่งกล้ามากได้ปรมัติสูญสตาอรรถพยัญชนะทรงอภิญาชั้นสูง)เป็นอาจารย์ผู้สอนให้ 
									ด้วยความเป็นผู้ไผ่เรียนท่านยังมีความสนใจเรื่องของภาษาอื่นๆด้วยเช่น 
									อักษรขอมโบราณ ภาษาอังกฤษ และจีนเพิ่มเติม 
									ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น 
									เมื่อพออายุครบบวชจึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดห้วยไซ 
									พ.ศ.๒๔๖๙ โดยมีครูบาอินทจักร วัดป่าลาน 
									เป็นพระอุปัชฌาย์(เป็นศิษย์ครูบาหลวงวัดฝายหิน 
									จบสตาปรมัติรู้ภาษานกกาได้ เจนจบ 9 มัด) 
									พระอธิการชื่น สันกอแงะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ 
									ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) 
									เป็นพระอนุสาวนาจารย์ 
									ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “อินฺทปัญฺโญภิกขุ”
									
									หลัง 
									จากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วจึงได้ตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัยและสรรพวิชา 
									ตามจริตวิสัยที่ชอบศึกษาหาความรู้อันเป็นทุนเดิมของท่าน 
									ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนในเรื่องของวิชาพลังจิตที่สูงมากตลอดถึงในวิชาอาคมแขนงต่างๆ 
									ประกอบกับการปฏิบัติสมถะวิปัสสนาธุระควบคู่กันไประหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๑ 
									ครูบาศรีวิชัยท่านได้มาเป็นประธานในการบูรณะพระธาตุดอยห้างบาตร 
									ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดห้วยไซมากนัก 
									หลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้ไปร่วมในการบุญครั้งนั้นด้วยและได้พบกับครูบาศรี 
									วิชัยและถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ 
									หลังจากนั้นขณะที่ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นประธานในการสร้างทางขึ้นดอยสุ 
									เทพหลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้มีโอกาสไปร่วมในการสร้างทางด้วยเช่นกัน 
									เมื่อครูบาศรีวิชัยมรณภาพไปหลังเสร็จสิ้นงานพระราชทานเพลิงศพ 
									ผ้าขาวดวงต๋า 
									ได้นำอัฐิธาตุของครูบาศรีวิชัยมาบรรจุและสร้างกู่อัฐิขึ้นที่บนดอยง้ม 
									เขตติดต่อระหว่างอำเภอสันกำแพงกับอำเภอบ้านธิ 
									หลวงปู่ครูบาอินตาท่านก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการนำสร้างด้วย 
									ที่วัดห้วยไซเองท่านถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมกับอดีตเจ้าอาวาส 
									ของวัดห้วยไซองค์ก่อนๆในการนำสร้างถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด 
									โดยเฉพาะสมัยของพระครูดวงดี 
									จนกระทั้งครูบาดวงดีท่านมรณภาพไป 
									หลวงปู่ครูบาอินตาท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยไซ 
									เมื่อพ.ศ.๒๕๑๙ 
									และได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็น 
									พระครูถาวรวัยวุฒิ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๖ 
									ระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ได้ฝากผลงานทางด้านพระพุทธศาสนาและ 
									สาธารณประโยชน์มากมาย อาทิ 
									พัฒนาถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างต่างๆของวัดห้วยไซจนเป็นที่เจริญรุ่งเรือง 
									สาธารณะประโยชน์เช่นโรงเรียน สถานีอนามัย 
									โรงพยาบาล ห้องสมุด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ 
									ตลอดจนฌาปนกิจสถานประจำหมูบ้าน 
									นอกจากนั้นท่านยังทำนุบำรุงพระศาสนาไปยังวัดวาอารามต่างๆที่มาของความเมตตา 
									อนุเคราะห์จากท่าน เช่น 
									ถาวรวัตถุต่างที่วัดเปาสามขา วัดวังธาน 
									อำเภอแม่ออน วัดโป่งช้างคต อำสันเภอกำแพง 
									วัดเวียงแห่ง อำเภอเวียงแห่ง จังหวัดเชียงใหม่ 
									วัดศรีชัยชุม บ้านห้วยไซเหนือ
									
									พระพุทธรูปยืนวัด ศรีดอนชัย อำเภอบ้านธิ 
									ประธานสร้างตึกสงฆ์อาพาสโรงพยาบาลบ้านธิ 
									และผลงานชิ้นสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้ศิษย์ได้สารงานต่อคือพระวิหารของวัดห้วยไซ 
									ก่อนที่ท่านจะมรณภาพด้วยชราภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ 
									เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๕ สิริรวมอายุได้ ๙๘ ปี 
									๗๗ พรรษา 
									พระเถระที่หลวงปู่ครูบาอินตาท่านสนิทสนมไปมาหาสู่กันเป็นประจำก็มี 
									ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)ครูบาธรรมชัย 
									วัดประตูป่า ครูบาสิริ วัดปากกองสารภี(ครูบาผีกลัว)ครูบาแก้ว 
									สันกำแพงครูบาดวงทิพย์ วัดสันคะยอม(เป็นพระที่ครูบาพรหมาจักรนับถือมากๆ) 
									ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ครูบาหล้าตาทิพย์ 
									วัดป่าตึง ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง 
									ครูบาดวงจันทร์ วัดป่าเส้า ครูบาน้อย 
									วัดบ้านปง ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ครูบาวงศ์ 
									วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาอินตา วัดวังทอง 
									สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพ 
									หลังจากศิษยานุศิษย์ได้เก็บรักษาสรีระของหลวงปู่ครูบาอินตาไว้เป็นเวลาหลาย 
									ปีแต่รางของท่านก็มิได้มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด 
									เมื่อก่อสร้างวิหารแล้วเสร็จจึงได้ของไฟพระราชทานและประกอบพิธีพระราชทาน 
									เพลิงศพ เมื่อวันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐ 
									ขึ้น
									
									สำหรับวัตถุมงคล ของหลวงปู่ครูบาอินตา 
									ท่านได้สร้างขึ้นในยุคแรกๆก็จะมีเพียงยันต์และตระกุดเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา 
									ไว้ใช้ป้องกันตัวอิทธิวัตถุมงคลต่างๆก็มีประสิทธิผลจนเป็นที่ลำลือเป็นที่ 
									ต้องการกันมากทำให้ทำแจกแทบไม่ทัน 
									ยุคต่อๆมาเมื่อท่านชราภาพก็ให้ลูกศิษย์ที่พอมีความรู้เป็นผู้ทำให้โดยใช้ 
									ตำราของท่านแล้วให้หลวงปู่ครูบาอินตาเสกเป่าอีกครั้ง 
									ลักษณะของตระกุดจะมีดอกเดียวที่เรียกกันว่าตระกุโทนโดยใช้ตะกั่วทำ 
									ตะกั่วนั้นได้จากหลังกระจกสีที่ใช้ติดตามห้าบรรณวิหารและตามเจดีย์ในสมัย 
									ก่อนเมื่อชำรุดตกหล่นลงมาท่านจึงได้นำมาทำเป็นตระกุด 
									ต่อมาศิษย์จึงได้ขอนุญาติจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๓ 
									และอีกหลายๆรุ่นในเวลาต่อมา ทั้งเหรียญ 
									รูปหล่อลอยองค์ รูปเหมือนบูชาขนาดต่างๆ 
									ล็อกเก็ต พระผง 
									วัตถุมงคลรุ่นต่างๆที่ท่านได้อธิฐานจิตปุกเสกเอาไว้ก็มีอิทธิปาฏิหาริย์จน 
									เป็นที่ลำลือเช่นกันและได้รับความนิยมมาก 
									เหรียญใบโพธิ์ รุ่นสมปรารถนา แซยิด ๙๑ 
									พ.ศ.๒๕๓๘ 
									หนึ่งในเหรียญประสบการณ์ที่โดดเด่นทางด้านแคล้วคลาดคงกระพัน 
									มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่ามีเด็กวัยรุ่นถูกคู่อริไล่ยิงและถูกยิงจนเสื้อที่ 
									สวมนั้นขาดเป็นรอยลูกกระสูนรูพรุน 
									แต่ลูกกระสูนไม่ได้ผ่านเข้าผิวแค่เป็นรอยจุดแดงซ้ำเป็นยางบอนเจ็บๆแสบๆเท่า 
									นั้น 
									ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ที่เข้าไปช่วยเหลือขอดูของดีที่วัยรุ่นคนนั้นพกติดตัว 
									ที่คอของเขามีเพียงเหรียญใบโพธิ์ของครูบาอินตาเพียงเหรียญเดียว 
									ทำให้เหรียญรุ่นดังกล่าวเป็นที่แสวงหากันมาก 
									นี้เป็นเพียงแค่หนึ่งในประสบการณ์ของวัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาอินตาที่มี 
									อยู่มากมายหลายต่อหลายครั้ง 
									อัฐิธาตุที่แปรเปลี่ยนเป็นผลึกพระธาตุแล้วของหลวงปู่ครูบาอินตา 
									อินทปัญโญ 
									เอกองค์พระอาจารย์ที่ให้ดวงกรรมฐานกับครูบากฤษดา 
									ตั้งแต่เป็นสามเณร 
									ที่ท่านสามารถปราบความคิดที่อยากรู้อยากเห็น 
									ซุกซนโลดเเล่นแก่นแก้วสามารถดักทางความคิดจิตของครูบากฤษดา 
									ได้ทั้งหมดตั้งแต่เป็นสามเณรร่ำเรียนอยู่ในสำนักวัดห้วยไซใต้ 
									ถือว่าเป็นพระอาจารย์องค์แรกครับ 
									และก็มีครูบาชัยวงค์ได้ไปกราบคารวะสนทนาเป็นบางครั้งคราว 
									และมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ครูบากฤษดาเทิดเหนือหัวคือหลวงปู่พิสดู 
									ธัมมจารี เป็นที่สุดครับ