เหรียญเสมา หลวงปู่ทิม 
												วัดระหารไร่ ระยอง
											
												รหัสสินค้า: 000112
											
												
												ราคา: 15,000.00 บาท
											
												รุ่น: เหรียญเสมา 
												พ.ศ.2518หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ 
												ระยอง
												ยี่ห้อ: เหรียญเสมา 
												พ.ศ.2518 หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ 
												ระยอง
 
											
												รายละเอียด: เหรียญเสมา 
												พ.ศ.2518หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ 
												ระยอง
												
												
												@--------------------- 
												ขอบคุณครับ 
												---------------------@
												
												--------- 
												เพื่อนๆท่านใดสนใจโทรติดต่อด่วนครับ 
												---------
												--------------- พร บางระจัน 
												081-7842076 -----------------
										 
										
 ประวัติละหารไร่
											
											วัดละหารไร่นี้ก่อตั้งเมื่อประมาณปี 
											พ.ศ.2354 โดยหลวงพ่อสังข์เฒ่า 
											รองเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่สมัยนั้น 
											เห็นว่าพื้นที่ทางฝั่งคลองด้านตรงข้ามทางทิศเหนือของวัดละหารใหญ่มีทำเลดีเหมาะแก่การปลูกพืชผัก 
											จึงได้หักล้างถางพงใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก 
											ขึ้นแรกได้สร้างที่พักร่มเงาไว้เมื่อถึงเวลาเข้าพรรณา 
											ก็จำพรรษาที่วัดละหารใหญ่ 
											ต่อมามีผู้คนไปทำไร่ในแถบใกล้ๆ 
											ที่นั้นมากขึ้น เห็นว่ามีพระสงฆ์อยู่ 
											เมื่อถึงวันพระก็จัดภัตตาหารไปถวายเป็นประจำ 
											ต่อมาได้มีพระภิกษุไปอยู่เพิ่มมากขึ้น 
											จึงได้ก่อสร้างกุฏิวิหาร 
											พระสงฆ์ก็มาจำพรรษาที่นั่น 
											ตั้งชื่อว่า "วัดไร่วารี" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น 
											"วัดละหารไร่" 
											โดยมีหลวงพ่อสังข์เฒ่าเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
											         
											ในภายหลังทางวัดละหารไร่ได้มีพระภิกษุแก่อวุโสขึ้นหลวงพ่อสังข์เฒ่าจึ 
											มอบให้ปกครองกันเอง 
											ส่วนตัวท่านได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ 
											(ทราบว่าภายหลังได้รับการนิมนต์จากเจ้าเมืองระยองไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเก๋ง 
											จังหวัดระยอง) มอบหมายให้หลวงพ่อแดง 
											เป็นเจ้าอาวาสแทน 
											เต่มาได้มีเจ้าอาวาสอีกหลายรูปปกครองวัดละหารไร่ 
											คือ หลวงพ่อเกิด หลวงพ่อสิงห์ 
											หลวงพ่อจ๋วม 
											ต่อมาหลวงพ่อจ๋วมได้ลาสิกขาบท 
											ทำให้วัดละหารไร่ขาดพระภิกษุจำพรรษาเป็นเวลา 
											3 เดือน ในขณะนั้นหลวงพ่อทิม อิสริโก 
											(งามศรี) 
											ได้เดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี 
											พุทธศาสนิกชนบ้านละหารไร่จึงพร้อมใจกันนิมนต์เป็นเจ้าอาวาส 
											เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2450 
											หลวงพ่อทิมจึงได้สร้างอุโบสถขึ้นหลังหนึ่งทำด้วยไม้ 
											ปัจจุบันได้เลื่อนย้ายมาห่างจากที่เดิมประมาณ 
											20 วา และบูรณะให้อยูในสภาพเดิม
											 
											ข้อมูลประวัติ
											เกิด                         
											วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422  
											ตรงกับเดือน 7 ปีเถาะ  
											เป็นบุตรของ นายแจ้ง  นางอินทร์  
											งามศรี
											
											อุปสมบท               
											วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449  
											ตรงกับขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ณ 
											วัดละหารไร่
											มรณภาพ               
											วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518
											
											รวมสิริอายุ            96 ปี 69 พรรษา             
											 
											หลวงปู่ทิม 
											เกิดที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2 
											ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 
											นามเดิมของท่านชื่อ ทิม นามสกุล 
											งามศรี เกิดเมื่อปีเถาะ วันศุกร์ 
											เดือน 7 ตรงกับวันที่ 16 
											เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2422 
											เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ งามศรี 
											มีพี่น้อง 3 คน หลวงปู่ทิมเป็นคนที่ 2
											
											เมื่อตอนเด็กๆ 
											ท่านชอบออกเที่ยวล่าสัตว์ด้วยความคึกคะนองโดยนำมาเลี้ยงครอบครัวเรื่อยๆไป 
											พออายุได้ 17 ปี 
											บิดาของท่านได้นำตัวท่านไปฝากไว้กับท่านพ่อสิงห์ที่วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือกับท่าน 
											และอาจารย์อื่นๆ เป็นเวลาประมาณ 1 ปี 
											จนมีความสามารถเรียนรู้จนเข้าใจ 
											อ่านออกเขียนได้ดีแล้ว 
											บิดาของหลวงปู่ทิม 
											จึงได้ไปกราบนมัสการท่านพ่อสิงห์ 
											เพื่อขอลานำหลวงปู่ทิมกลับมาอยู่บ้านเช่นเดิม
											
											หลวงปู่ทิมก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานและหาเลี้ยงพ่อแม่ตามวิสัยลูกที่ดีมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ด้วยดีตลอด 
											จนกระทั่งอายุเข้า 19 ปี 
											ท่านจึงถูกคัดเลือกเข้าเป็นทหารประจำการ 
											ในสมัยนั้นได้เข้ามาประจำการ 
											อยู่ในกรุงเทพฯถึง 4 ปีเศษ 
											จึงได้รับการปลดประจำการ 
											จากทหารกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม 
											เมื่อกลับมาอยู่บ้านแล้ว บิดาของท่าน 
											จึงได้จัดการอุปสมบทให้ท่านเป็นพระภิกษุทันที
											
											หลวงปู่ทิม อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 
											เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2449 
											ซึ่งตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ 
											ขึ้น 7 ค่ำ โดยมีพระครูขาว วัดทับ 
											มาเป็นพระอุปัชฌาย์ 
											และพระอาจารย์สิงห์ 
											เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุ 
											เป็นพระกรรมวาจารย์ ณ 
											พัทธสีมาวัดละหารไร่ 
											ได้ฉายาทางสงฆ์ว่า อิสริโก
											
											หลังจากท่านได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว 
											ท่านก็ได้อยู่กับพระอาจารย์ที่วัดจนครบ 
											1 พรรษา 
											แล้วท่านก็ได้ขออนุญาตพระอาจารย์ของท่าน 
											กราบลาเพื่อออกธุดงด์ไปในหลายๆ 
											จังหวัด 
											เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นเป็นเวลา 
											3 ปีเต็ม 
											ครั้นเมื่อถึงเทศกาลใกล้เข้าพรรษา 
											ท่านก็กลับไปถึงจังหวัดชลบุรี 
											และท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูม 
											เป็นเวลาถึง 2 พรรษา 
											
											ท่านได้เที่ยวร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆ 
											หลายอาจารย์ด้วยกัน ที่เป็นพระก็มี 
											ฆราวาสก็มี ที่ท่านเล่าให้ฟังมี 
											โยมรอด โยมเริ่ม และ โยมสาย ทั้ง 3 
											คนเป็นฆราวาสที่มีวิชาอาคมสูงเป็นที่นับถือของชาวบ้านแถบนั้นมาก 
											จนกระทั่งท่านได้รับตำราตกทอดมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า 
											เจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนในสมัยนั้น
											
											หลวงปู่สังข์เฒ่ารูปนี้มีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ 
											ของท่าน 
											และเป็นพระปรมาจารย์ผู้เรืองอาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้น 
											พร้อมกับเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้น 
											ขนาดน้ำลายของท่านทีถ่มออกมาโดนพื้นตรงไหนแล้วพื้นจะแตกทันที 
											เมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าทางวิชาอาคมของท่าน 
											จึงได้นิมนต์ให้ท่านมาอยู่ทีวัดเก๋งจีนและได้สร้างพระเนื้อตะกั่ว 
											วัดเก๋งจีน ขึ้นมาหลายพิมพ์ด้วยกัน 
											ซึ่งก็มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
											
											หลวงปู่สังข์เฒ่า 
											ท่านได้ทิ้งตำรับตำราที่ท่านได้เขียนขึ้นไว้ในสมัยของท่านให้กับวัดละหารไร่ 
											และก็ได้ตกทอดมาเป็นของหลวงปู่ทิมซึงเป็นหลานของท่าน 
											ใช้ศึกษาหาความรู้จากตำราของหลวงปู่สังข์เฒ่านี้
											
											นอกจากนี้ หลวงปู่ทิม 
											ยังได้เรียนทางวิปัสสนากัมมัฎฐานกับพระอาจารย์อื่นๆ 
											อีกหลายรูปด้วยกันซึ่งต่อมาเมื่อท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดละหารไร่ 
											ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดโดยการก่อสร้างเสนาสนะบูรณะซ่อมแซมกุฏิ 
											และอื่นๆ อีกมากมาย 
											ญาติโยมทั้งหลายก็เริ่มมีความเลื่อมใสในตัวท่านมาก 
											เพราะท่านเป็นพระทีสมณะสำรวมเคร่งในธรรมะและวินัยเป็นที่น่าเคารพมาก
											
											ต่อมาท่านจึงได้ชักชวนพวกชาวบ้านและญาติโยมทั้งหลายให้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น 
											1 หลัง ในเวลาปีเศษๆ ก็เสร็จ 
											พร้อมกับผูกพัทธสีมาจนเป็นที่เรียบร้อยในเวลาเดียวกันหลังจากสร้างพระอุโบสถเสร็จ 
											และต่อมาท่านจึงได้ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลขึ้นอีก 
											1 หลัง 
											โดยที่ทางอำเภอและจังหวัดร่วมด้วย 
											ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 
											เดือนเท่านั้นก็แล้วเสร็จเรียบร้อย 
											เปิดให้นักเรียนเข้าเรียนได้ทันที
											
											หลังจากนั้นท่านก็ได้ชักชวนชาวบ้านให้ช่วยกันพัฒนาก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง 
											และก็ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ 
											โดยมีหลวงปู่เป็นผู้นำพร้อมกับชาวบ้านจึงทำให้ชาวบ้านและญาติโยมทั้งหลายมีความเคารพนับถือเลื่อมใสในตัวท่านมากยิ่งขึ้น 
											จึงจัดได้ว่าหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระนักพัฒนา 
											ที่มีความสามารถเป็นอย่างสูง 
											สมควรที่จะได้รับการเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง
											
											จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2478 หลวงปู่ทิม 
											จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน 
											โดยได้รับการส่งหมายและตราตั้งมาไว้ที่ทางเจ้าคณะจังหวัด 
											แต่หลวงปู่ก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมบอกใครๆ 
											ด้วยอญู่เป็นเวลานาน 
											ทางจังหวัดจึงได้มอบให้ทางคณะอำเภอเอามามอบให้ท่านที่วัดละหารไร่เอง 
											ท่านจึงได้รับเป็น พระครูทิม อิสริโก 
											และได้รับเป็นพระคู่สวด
											
											อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. 2497 
											ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งพระครูทิม 
											อิริโก 
											เลื่อนขั้นให้เป็นพระครูสัญญาบัตร 
											ท่านก็ไม่ยอมบอก ไม่อยากได้ 
											ไม่ยินดียินร้ายกับใครอยู่เป็นเวลานาน 
											ญาติโยมที่วัดไม่มีใครทราบเรื่อง 
											จนทางเจ้าคณะอำเภอได้มีหนังสือส่งไปที่วัดจึงได้รับทราบกัน 
											นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรวัด 
											จึงได้นำข่าวไปบอกแก่ชาวบ้านและกรรมการวัดละหารไร่ให้ทราบ 
											พร้อมกับจัดขบวนแห่มารับที่วัดเจ้าคณะจังหวัดโดยได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่ทิม 
											มารับสัญญาบัตรพัดยศเป็น 
											"พระครูภาวนาภิรัต" เมื่อวันที่ 5 
											ธันวาคม พ.ศ. 2507
											
											เมื่อหลวงปู่ทิม ได้เลื่อนขั้นเป็น 
											พระครูภาวนาภิรัตแล้ว 
											บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านก็นัดประชุมกันเพื่อจะจัดงานฉลองสมณศักดิ์ 
											โดยนายสาย แก้วสว่าง 
											เป็นผู้ขออนุญาตต่อหลวงปู่ว่า 
											"หลวงปู่จงอนุญาตพวกเราเถิด 
											อย่าปิดความประสงค์ของพวกญาติโยมเลย 
											ได้โปรดให้พวกญาติโยมได้แสดงความยินดี 
											และแสดงความกตัญญูกตเวทีตอบสนองซึ่งคุณงามความดีของหลวงปู่ด้วยเถิด" 
											หลวงปู่ทิมท่านขัดไม่ได้จึงอนุญาต
											
											นายสาย แก้วสว่าง 
											ในฐานะไวยาวัจกรและศิษย์ใกล้ชิดจึงได้นัดประชุมกรรมการและชาวบ้าน 
											ปรึกษากันว่าจะจัดฉลองสมณศักดิ์และเพื่อหารายได้สบทบทุนในการก่อสร้างกุฏิ 
											และบูรณะซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดในครั้งนี้ 
											โดยจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมเพื่อจัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่าน 
											เอาไว้แจกแก่พวกญาติโยมและศิษย์ทั้งหลาย 
											เพื่อเป็นที่ระลึกในการร่วมกันทำบุญในงานวันฉลองสมณศักดิ์ของท่าน 
											เพราะใครๆ ก็ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า 
											หลวงปู่ทิมเป็นพระที่น่าเคารพบูชาอย่างยิ่ง 
											ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมพระวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
											และเป็นพระมักน้อยสมถะ 
											ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น 
											ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันมื้อเดียว 
											ไม่เคยฉันเพลเลย แม้แต่น้ำชา 
											หรือน้ำเปล่า ท่านก็ต้องฉันตามเวลา
											
											เท่าที่สังเกตดูปรากฎว่า 
											ท่านจะฉันเช้าประมาณ 7 โมงเช้า 
											และฉันน้ำชาเวลา 4 โมงเย็น 
											ถ้าเลยเวลาแล้วหลวงปู่จะไม่ยอมฉันเป็นเด็ดขาด 
											แม้แต่น้ำชา ท่านฉันมื้อเดียวมาตลอด 
											50 ปีแล้ว 
											โดยที่ไม่มีอาหารพวกเนื้อหมู เป็ด ไก่ 
											หรืออาหารคาวทุกชนิดเลย 
											แม้แต่น้ำปลาก็ไม่เคยฉัน
											
											อาหารที่ท่านฉันก็เป็นพวกผัก ถั่ว 
											หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่น 
											เป็นประจำอยู่เป็นนิจตลอดมา 
											เนื้อหนังมังสาและผิวพรรณของท่านก็คงเป็นปกติอยู่ตามเดิม 
											พละกำลังของท่านก็แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง 
											ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะอำนาจบารมีของท่านที่เคยได้สร้างสมมาในชาติปางก่อน 
											จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในธรรมวินัย 
											ดำรงชีวิตมาได้อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์
											
											หลวงปู่ทิม มีอายุได้ 96 ปี 72 พรรษา 
											ยังแข็งแรงสมบูรณ์ 
											เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก 
											ยังมองอะไรได้ชัดเจนดี 
											ฟันก็ไม่เคยหักแม้แต่ซี่เดียว 
											ถึงแม้ว่าอายุของท่านเกือบจะ 100 
											ปีแล้วก็ตาม
											
											หลวงปู่ทิม ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 
											18 ตุลาคม พ.ศ. 2518 
											นับได้ว่าท่านเป็นพระอาวุโสและมีพรรษามากกว่าพระเกจิอาจารย์รูปใดๆ 
											ทั้งหมดในจังหวัดระยองเลยทีเดียว 
											
											 
											
											วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
											
											                วัตถุมงคลท่านได้สร้างไว้หลายรุ่น 
											และหลายพิมพ์  
											แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ 
											พระขุนแผนผงพรายกุมาร  
											มีทั้งพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก  
											พระชุดชินบัญชร  
											ทั้งพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์  
											พระสงกัจจายน์  พระปิดตา  
											เหรียญเจริญพร  
											รวมไปถึงวัตถุมงคลรุ่น 8 รอบ 
											มีอีกหลายพิมพ์ เป็นต้น
											 
											
											พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา