| 
										พระเกษม เขมโก | 
									
										| 
										(เจ้าเกษม ณ ลำปาง เขมโก)หลวงพ่อเกษม
 | 
									
										| 
										
										
										 | 
									
										| เกิด | 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 | 
									
										| อุปสมบท | พ.ศ. 2475 | 
									
										| มรณภาพ | 15 มกราคม พ.ศ. 2539 | 
									
										| พรรษา | 64 | 
									
										| อายุ | 83 | 
									
										| วัด | สุสานไตรลักษณ์ | 
									
										| จังหวัด | 
										
										ลำปาง | 
								
								
								หลวงพ่อเกษม เขมโก (นามเดิม เจ้าเกษม 
								ณ ลำปาง) เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน 
								พระเกจิเถราจารย์ทางด้านธุดงค์วัตร ปลีกวิเวก 
								พุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปางและชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นพระเถราจารย์ปูชนียบุคคลรูปหนึ่งของประเทศไทย และมีผู้มีความเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน 
								อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้านายใน "ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ 
								(เจ้าเจ็ดตน)" ที่ออกผนวชอีกด้วย
								
								
								ประวัติ
								
								หลวงพ่อเกษม เขมโก เดิมมีนามว่า 
								เจ้าเกษม ณ ลำปาง ประสูติ เมื่อ วันที่ 28 
								พฤศจิกายน 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) 
								ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง 
								(ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ) 
								รับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ 
								เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในมหาอำมาตย์โท 
								พลตรีเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
								
								สมัยตอนเด็กๆมีคนเล่าว่าท่านซนมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านปีนต้นบ่ามั่น(ต้นฝรั่ง)เกิดผลัดตกจนมีแผลเป็นที่ศีรษะ 
								เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร 
								ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) 
								ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 
								วันได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 
								15 ปีและจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง 
								ท่านได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี 
								พ.ศ. 2474 และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา 
								โดยมี พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง 
								เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า 
								"เขมโก" แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ 
								เจ้าเกษม เขมโก 
								ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม 
								ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย
								
								พ.ศ. 2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก 
								ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ 
								รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษามคธได้เป็นอย่างดี 
								แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ 
								จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ 
								เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ 
								เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
								
								เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว 
								ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา 
								จนกระทั่ง 
								ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา 
								คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ 
								ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน 
								ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก 
								จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ 
								และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม 
								พอครบกำหนดออก 
								ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา
								
								ต่อมา เจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน 
								มรณภาพลง 
								ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเห็นควรว่า 
								พระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก 
								มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส 
								เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน 
								ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย 
								แต่ท่านก็ห่วงทางวัดเพราะท่านเคยจำวัดนี้ 
								ท่านเห็นว่าถือเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ 
								จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน 
								หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้งเนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ 
								แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ดังนั้น 
								ท่านจึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทานพร้อมเขียนข้อความลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย
								
								หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ 
								ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ 
								เป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของคนในจังหวัดลำปางและทั่วประเทศ 
								ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง 
								หลวงพ่อเกษม เขมโก มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 
								19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 
								มกราคม พ.ศ. 
								2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 
								ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่สานุศิษย์ทั่วประเทศ 
								ส่วนสรีระของท่านนั้นก็ยังความอัศจรรย์ด้วยเนื่องจากไม่เน่าเปื่อยเหมือนอย่างสังขารทั่วไป 
								ทั้งยังเขียนป้ายบอกผู้ที่มาเคารพสรีระ 
								ท่านด้วยว่าให้พนมมือไหว้ที่หน้าอกเพียงครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์อย่างศพของพระเถระทั่วไปนับว่าท่าน 
								นั้นถือสมถะเป็นอย่างมาก