รายละเอียด:หลวงพ่อแช่ม 
									-หลวงพ่อช่วง วัดฉลอง  เนื้อทองแดงลมดำ  
									ปี12
									1.ประวัติ หลวงพ่อแช่ม วัดท่าฉลอง 
									จ.ภูเก็ต       
									พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม 
									สังฆปาโมกข์) วัดไชยธาราราม (ฉลอง) อำเภอเมือง 
									จังหวัดภูเก็ต
									
										
										คำขวัญเมืองภูเก็ต
									
										"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ 
										หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี 
										บารมีหลวงพ่อแช่ม"
									
										         
										ภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่คนทั่วโลกรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี 
										เป็นเกาะใหญ่เกาะหนึ่ง 
										ที่มีพื้นที่ของเกาะประมาณ 543 
										ตารางกิโลเมตร 
										สภาพภูมิประเทศน่าเที่ยวน่าพักผ่อนหย่อนใจมีทิวทัศน์อันสวยงามเกินกว่าคำบรรยาย 
										ไม่ว่าจะมองไปบนบก หรือในท้องทะเล 
										แม้แต่เกาะต่างๆ 
										แล้วเหมือนจะทำให้เรามีชีวิตชีวายืนยาวออกไปอีกสักร้อยปี 
										จังหวัดนี้ดีพร้อม สมกับคำขวัญที่ว่า 
										“ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ 
										หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี 
										บารมีหลวงพ่อแช่ม” ไม่มีผิด
									
										         
										สภาพภูมิอากาศแบบฝนเมืองร้อน 
										มีอากาศอบอุ่น ชุ่มชื่น 
										ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา ทั้งปีมี 2 
										ฤดูกาลคือ ฤดูร้อนและฤดูฝน 
										ช่วงที่มีอากาศดีที่สุดคือ เดือนพฤศจิกายน 
										ถึงเดือนเมษายน 
										เป็นช่วงที่มีท้องฟ้าแจ่มใส 
										ภาษาของท้องถิ่นจังหวัดนี้เป็นภาษาปักษ์ใต้ 
										ที่มีเอกลักษณะของตนเอง 
										อาชีพของพลเมืองมีทั้งด้านการเกษตรและสวนยางพารา 
										การอุตสาหกรรม เหมืองแร่ ดีบุก 
										การทำยางแผ่นรมควัน การทำปลาบ่น 
										ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างกว้างขวางมาก 
										มีโรงแรมที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน งานประเพณี 
										ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร จัดขึ้นทุกปี 
										ตรงกับวันที่ 13 
										มีนาคมของทุกปีเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ที่สองวีรสตรีสามารถปกป้องเมืองถลางให้รอดพ้นจากข้าศึก
									
										         
										ภูเก็ตมีอะไรดี? ภูเก็ตก็มีพระคณาจารย์ดี 
										คือหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง 
										พระคุณท่านเป็นผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง 
										ทรงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ 
										ใครมาเที่ยวเมืองภูเก็ตแล้วไม่ได้ไปสักการบูชาหลวงพ่อแช่ม 
										ก็เหมือนกับไม่ได้ไปเยือนภูเก็ต 
										เขาว่ากันอย่างนั้น  หลวงพ่อแช่ม 
										(พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี) 
										อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง ภูเก็ต 
										ถึงแม้พระคุณท่านจะได้มรณภาพไปนานแล้วก็ตาม 
										ชื่อเสียงและเกียรติคุณของพระคุณท่านยังตรึงตราตรึงใจอยู่ในความทรงจำของชาวภูเก็ตและชาวไทยทั่วทุกภาค 
										แม้แต่ประชาชนเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงยังให้ความเคารพเลื่อมใส 
										ศรัทธายิ่ง 
										ดุจดังเทพเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง 
										ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์นานัปการเมื่อครั้งพระคุณท่านมีชีวิตอยู่มีผู้ศรัทธาและเลื่อมใสท่านมาก 
										ถึงขนาดรุมกันปิดทองที่ตัวท่านจนแลดูเหลืองอร่ามไปทั้งร่าง 
										เฉกเช่นเดียวกับปิดทองพระพุทธรูปบูชา 
										นับเป็นความแปลกประหลาดมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
									
										ประวัติวัดฉลอง
									
										         
										"วัดฉลอง"เป็นวัดที่มีมาแต่ก่อนเก่า 
										จึงไม่มีท่านผู้ใดทราบประวัติความเป็นมาได้ละเอียดนัก 
										วัดฉลองนี้ตั้งอยู่บริเวณทุ่งนาและป่าละเมาะ
									
										         
										ทางด้านเหนือของเกาะภูเก็ต 
										ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กิโลเมตร 
										ตามหลักฐานที่ปรากฎมีศาลาเก่าแก่อยู่หลังหนึ่งทางด้านทิศตะวันออก(ของวัดในปัจจุบันนี้) 
										ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระปฎิมา 
										จากสภาพขององค์ท่าน 
										นับว่า...เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาช้านานแล้ว 
										จนไม่อาจคำนวณอายุที่แน่นอนได้ชาวบ้านฉลองและคนทั่วไปเรียกท่านว่า 
										"พ่อท่านเจ้าวัด" 
										ด้านซ้ายขององค์ท่านมีรูปหล่อของชายชรานั่งถือตะบันหมาก 
										ชาวบ้านเรียกว่า "ตาขี้เหล็ก" 
										ส่วนด้านขวาของ "พ่อท่านเจ้าวัด" นั้น 
										มีรูปหล่อเป็นยักษ์ถือกระบองแลดูน่ากลัว 
										ชาวบ้านเรียกว่า "นนทรีย์" รูปหล่อทั้ง 3 
										องค์นี้ ท่านศักดิ์สิทธิ์นัก 
										จนเป็นที่โจษขานกันมานานแล้ว
									
										         
										เจ้าอาวาสวัดฉลององค์แรกท่านเป็นพระเถระองค์ใดนั้น 
										ในประวัติได้บันทึกเอาไว้ 
										ก็เลยไม่ทราบนามท่านเท่าที่ทราบมี 
										"พ่อท่านเฒ่า" 
										ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดฉลององค์ก่อน 
										"หลวงพ่อแช่ม" 
										ท่านเป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานเป็นที่เลื่องลือ 
										เมื่อ"ท่านพ่อเฒ่า" 
										ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราอาพาธ 
										"หลวงพ่อแช่ม" 
										ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจาก 
										"พ่อท่านเฒ่า"
									
										         
										ต่อมา....ท่านได้รับพระราชทานเลื่อมสมศักดิ์ว่าที่เป็น 
										"พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี" 
										ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต 
										และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
										พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนชื่อ "วัดฉลอง" 
										เสียใหม่เป็น "วัดไชยธาราราม" 
										แต่ประชาชนโดยทั่วไปมักเรียกว่า "วัดฉลอง" 
										เพราะเป็นชื่อที่คุ้นหูมาก่อน
									
										
										ชาติกำเนิด-ประวัติย่อ
									
										        
										         
										"หลวงพ่อแช่ม" วัดฉลอง ภูเก็ต 
										ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด 
										จังหวัดพังงา เมื่อปีกุน พุทธศักราช 2370 
										ในรัชสมัยของ"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว"(รัชกาลที่ 
										3) (นามโยมบิดา-มารดา) 
										ไม่ปรากฏในประวัติแม้แต่ "หลวงพ่อช่วง" 
										วัดท่าฉลอง 
										ศิษย์เอกของท่านก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้)
									
										
										หลวงพ่อแช่ม ชาตะ พ.ศ.2370 มรณภาพ 
										พ.ศ.2451
									
										   
										         
										พ่อแม่ส่งให้อยู่ ณ วัดฉลอง 
										เป็นศิษย์ของพ่อท่านเฒ่าตั้งแต่เล็ก 
										เมื่อมีอายุพอจะบวชได้ก็บวชเป็นสามเณร และ 
										ต่อมาเมื่ออายุถึงที่จะบวชเป็นพระภิกษุก็บวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ 
										ณ 
										วัดฉลองนี้หลวงพ่อแช่มได้ศึกษาวิปัสนาธุระจากพ่อท่านเฒ่าจนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสนาธุระเป็นอย่างสูง 
										ความมีชื่อเสียงของหลวงพ่อแช่มปรากฏชัดในคราวที่หลวงพ่อแช่มเป็นหัวหน้าปราบอั้งยี่ 
										ซึ่งท่านจะได้ทราบต่อไปนี้
									
										
										ปราบอั้งยี่
									
										
										         
										ในปีพุทธศักราช 2419 
										กรรมกรเหมืองแร่เป็นจำนวนหมื่น 
										ในจังหวัดภูเก็ต 
										และจังหวัดใกล้เคียงได้ซ่องสุมผู้คนก่อตั้งเป็นคณะขึ้นเรียกว่า 
										อั้งยี่ 
										โดยเฉพาะพวกอั้งยี่ในจังหวัดภูเก็ตก่อเหตุวุ่นวายถึงขนาดจะเข้ายึดการปกครองของจังหวัดเป็นของพวกตน 
										ทางราชการในสมัยนั้นไม่อาจปราบให้สงบราบคาบได้ 
										พวกอั้งยี่ถืออาวุธรุกไล่ ยิง 
										ฟันชาวบ้านล้มตายลงเป็นจำนวนมากชาวบ้านไม่อาจต่อสู้ป้องกันตนเองและทรัพย์สิน 
										ที่รอดชีวิตก็หนีเข้าป่าไป 
										เฉพาะในตำบลฉลองชาวบ้านได้หลบหนีเข้าป่า 
										เข้าวัด 
										ทิ้งบ้านเรือนปล่อยให้พวกอั้งยี่เผาบ้านเรือนหมู่บ้านซึ่งพวกอั้งยี่เผา 
										ได้ชื่อว่า บ้านไฟไหม้ จนกระทั่งบัดนี้
									
										         
										ชาวบ้านที่หลบหนีเข้ามาในวัดฉลอง 
										เมื่อพวกอั้งยี่รุกไล่ใกล้วัดเข้ามา 
										ต่างก็เข้าไปแจ้งให้หลวงพ่อแช่มทราบ 
										และนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่ม 
										หลบหนีออกจากวัดฉลองไปด้วย 
										หลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนี ท่านว่า 
										ท่านอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่เด็กจนบวชเป็นพระ 
										และเป็นเจ้าวัดอยู่ขณะนี้ 
										จะให้หนีทิ้งวัดไปได้อย่างไร
									
										         
										เมื่อหลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนีทิ้งวัด 
										ชาวบ้านต่างก็แจ้งหลวงพ่อแช่มว่า 
										เมื่อท่านไม่หนีพวกเขาก็ไม่หนีจะขอสู้มันละ 
										พ่อท่านมีอะไรเป็นเครื่องคุ้มกันตัวขอให้ทำให้ด้วย 
										หลวงพ่อแช่มจึงทำผ้าประเจียดแจกโพกศีรษะคนละผืน 
										เมื่อได้ของคุ้มกันคนไทยชาวบ้านฉลองก็ออกไปชักชวนคนอื่นๆ 
										ที่หลบหนีไปอยู่ตามป่า 
										กลับมารวมพวกกันอยู่ในวัด หาอาวุธ ปืน มีด 
										เตรียมต่อสู้กับพวกอั้งยี่
									
										         
										พวกอั้งยี่ เที่ยวรุกไล่ฆ่าฟันชาวบ้าน 
										ไม่มีใครต่อสู้ก็จะชะล่าใจ 
										ประมาทรุกไล่ฆ่าชาวบ้านมาถึงวัดฉลอง 
										ชาวบ้านซึ่งได้รับผ้าประเจียดจากหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะไว้ก็ออกต่อต้านพวกอั้งยี่ 
										พวกอั้งยี่ไม่สามารถทำร้ายชาวบ้านก็ถูกชาวบ้านไล่ฆ่าฟันแตกหนีไป 
										ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของไทยชาวบ้านฉลอง 
										ข่าวชนะศึกครั้งแรกของชาวบ้านฉลอง 
										รู้ถึงชาวบ้านที่หลบหนีไปอยู่ที่อื่น 
										ต่างพากลับมายังวัดฉลอง รับอาสาว่า 
										ถ้าพวกอั้งยี่มารบอีกก็จะต่อสู้ 
										ขอให้หลวงพ่อแช่มจัดเครื่องคุ้มครองตัวให้ 
										หลวงพ่อแช่มก็ทำผ้าประเจียดแจกจ่ายให้คนละผืน 
										พร้อมกับแจ้งแก่ชาวบ้านว่า 
										"ข้าเป็นพระสงฆ์จะรบราฆ่าฟันกับใครไม่ได้ 
										พวกสูจะรบก็คิดอ่านกันเอาเอง 
										ข้าจะทำเครื่องคุณพระให้ไว้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น" 
										ชาวบ้านเอาผ้าประเจียดซึ่งหลวงพ่อแช่มทำให้โพกศีรษะเป็นเครื่องหมายบอกต่อต้านพวกอั้งยี่
									
										          
										พวกอั้งยี่ให้ฉายาคนไทยชาวบ้านฉลองว่า 
										พวกหัวขาว 
										ยกพวกมาโจมตีคนไทยชาวบ้านฉลองหลายครั้ง 
										ชาวบ้านถือเอากำแพงพระอุโบสถเป็นแนวป้องกัน 
										อั้งยี่ไม่สามารถตีฝ่าเข้ามาได้ 
										ภายหลังจัดเป็นกองทัพเป็นจำนวนพัน 
										ตั้งแม่ทัพ นายกอง มีธงรบ ม้าล่อ 
										เป็นเครื่องประโคมขณะรบกัน 
										ยกทัพเข้าล้อมรอบกำแพงพระอุโบสถ ยิงปืน 
										พุ่งแหลน พุ่งอีโต้ เข้ามาที่กำแพง 
										เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่บรรดาชาวบ้านซึ่งได้เครื่องคุ้มกันตัวจากหลวงพ่อแช่มต่างก็แคล้วคลาดไม่ถูกอาวุธของพวกอั้งยี่เลย
									
										         
										รบกันจนเที่ยงพวกอั้งยี่ยกธงขอพักรบ 
										ถอยไปพักกันใต้ร่มไม้หุงหาอาหาร 
										ต้มข้าวต้มกินกัน 
										ใครมีฝิ่นก็เอาฝิ่นออกมาสูบ 
										อิ่มหนำสำราญแล้วก็นอนพักผ่อนชาวบ้านแอบดูอยู่ในกำแพงโบสถ์ 
										เห็นได้โอกาสในขณะที่พวกอั้งยี่เผลอก็ออกไปโจมตีบ้าง 
										พวกอั้งยี่ไม่ทันรู้ตัวก็ล้มตายและแตกพ่ายไป
									
										         
										หัวหน้าอั้งยี่ประกาศให้สินบน 
										ใครสามารถจับตัวหลวงพ่อแช่มวัดฉลองไปมอบตัวให้จะให้เงินถึง 
										5,000 เหรียญ 
										เล่าลือกันทั่วไปในวงการอั้งยี่ว่า 
										คนไทยชาวบ้านฉลองซึ่งได้รับผ้าประเจียดของหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะ 
										ล้วนแต่เป็นยักษ์มารคงทนต่ออาวุธ 
										ไม่สามารถทำร้ายได้ ยกทัพมาตีกี่ครั้งๆ 
										ก็ถูกตีโต้กลับไป ในทุกครั้ง 
										จนต้องเจรจาขอหย่าศึกยอมแพ้แก่ชาวบ้านศิษย์หลวงพ่อแช่มโดยไม่มีเงื่อนไข
									
										         
										คณะกรรมการเมืองภูเก็ต 
										ได้ทำรายงานกราบทูลไปยังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
										ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะกรรมการเมืองนิมนต์หลวงพ่อแช่ม 
										ให้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร 
										มีพระประสงค์ทรงปฏิสันฐานกับหลวงพ่อแช่มด้วยพระองค์เอง
									
										         
										หลวงพ่อแช่มและคณะเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร 
										พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานสมฌศักดิ์หลวงพ่อแช่ม 
										เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญานมุนี 
										ให้มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต 
										อันเป็นตำแหน่งสุงสุดซึ่งบรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้น
									
										ในโอกาสเดียวกัน 
										ทรงพระราชทานนามวัดฉลองเป็นวัดไชยาธาราราม
									
										
										บารมีหลวงพ่อแช่ม
									
										
										         
										จากคำบอกเล่าของคณะผู้ติดตามหลวงพ่อแช่มไปในครั้งนั้นแจ้งว่ามีพระสนมองค์หนึ่งในรัชกาลที่ 
										5 ป่วยเป็นอัมพาต 
										หลวงพ่อแช่มได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้รดตัวรักษา 
										ปรากฏว่าอาการป่วยหายลงโดยเร็วสามารถลุกนั่งได้ 
										อนึ่ง 
										การเดินทางไปและกลับจากจังหวัดภูเก็ตกับกรุงเทพมหานคร 
										ผ่านวัดๆ หนึ่งในจังหวัดชุมพร 
										หลวงพ่อแช่มและคณะได้เข้าพักระหว่างทาง ณ 
										ศาลาหน้าวัด เจ้าอาวาสวัดนั้น 
										นิมนต์ให้หลวงพ่อแช่มเข้าไปพักในวัด แต่ 
										หลวงพ่อเกรงใจและแจ้งว่าตั้งใจจะพักที่ศาลาหน้าวัดแล้วก็ขอพักที่เดิมเถิด 
										เจ้าอาวาสและชาวบ้านในละแวกนั้นบอกว่า 
										การพักที่ศาลาหน้าวัดอันตรายอาจเกิดพวกโจร 
										จะมาลักเอาสิ่งของของหลวงพ่อแช่มและคณะไปหมด 
										หลวงพ่อแช่มตอบว่าเมื่อมันเอาไปได้ 
										มันก็คงเอามาคืนได้ 
										เจ้าอาวาสวัดและชาวบ้านอ้อนวอน 
										หลวงพ่อแช่มก็คงยืนยันขอพักที่เดิม  
										เล่าว่า ตกตอนดึกคืนนั้น โจรป่ารวม 6 คน 
										เข้ามาล้อมศาลาไว้ ขณะคนอื่นๆ หลับหมดแล้ว 
										คงเหลือแต่หลวงพ่อแช่มองค์เดียว 
										พวกโจรเอื้อมเอาของไม่ถึง 
										หลวงพ่อแช่มก็ช่วยผลักของให้ 
										สิ่งของส่วนมากบรรจุปิ๊บใส่สาแหรก 
										พวกโจรพอได้ของก็พากันขนเอาไป
									
										         
										รุ่งเช้าเจ้าอาวาสและชาวบ้านมาเยี่ยม 
										ทราบเหตุที่เกิดขึ้นก็พากันไปตามกำนันนายบ้านมาเพื่อจะไปตามพวกโจร 
										หลวงพ่อแช่มก็ห้ามมิให้ตามไป 
										ต่อมาครู่หนึ่ง พวกโจรก็กลับมา 
										แต่การกลับมาคราวนี้หัวหน้าโจรถูกหามกลับมาพร้อมกับสิ่งของซึ่งลักไปด้วย 
										กำนันนายบ้านก็เข้าคุมตัว 
										หัวหน้าโจรปวดท้องจุดเสียดร้องครางโอดโอย 
										ทราบว่าระหว่างที่ขนของซึ่งพวกตนขโมยไปนั้น 
										คล้ายมีเสียงบอกว่า ให้ส่งของกลับไปเสีย 
										มิฉะนั้น จะเกิดอาเพศ 
										พวกโจรไม่เชื่อขนของต่อไปอีก 
										หัวหน้าโจรจึงเกิดมีอาการจุกเสียดขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ 
										เลยปรึกษากันตกลงขนสิ่งของกลับมาคืนหลวงพ่อแช่มสั่งสอนว่า 
										ต่อไปขอให้เลิกเป็นโจรอาการปวดก็หาย 
										กำนันนายบ้านจะจับพวกโจรส่งกรมการเมืองชุมพร 
										แต่หลวงพ่อแช่มได้ขอร้องมิให้จับกุมขอให้ปล่อยตัวไป 
										ไม่เพียงแต่ชนชาวไทยในภูเก็ตเท่านั้นที่มีความเคารพเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อแช่ม 
										ชาวจังหวัดใกล้เคียงตลอดจนชาวจังหวัดต่างๆ 
										ในมาเลเซีย เช่น ชาวจังหวัดปีนัง 
										เป็นต้นต่างให้ความคารพนับถือในองค์หลวงพ่อแช่มเป็นอย่างสูง 
										โดยเฉพาะชาวพุทธในจังหวัดปีนัง 
										ยกย่องหลวงพ่อแช่มเป็นเสมือนสังฆปาโมกข์เมืองปีนังด้วย
									
										         
										การปราบอั้งยี่ในครั้งนั้น 
										เมื่อพวกอั้งยี่แพ้ศึกแล้วก็หันมาเลื่อมใสให้ความเคารพนับถือต่อหลวงพ่อแช่มเป็นอย่างมาก 
										แม้แต่ผู้ซึ่งนับถือศาสนาอื่นก็มีความเคารพเลื่อมใสต่อหลวงพ่อแช่ม 
										เกิดเหตุอาเพศต่างๆในครัวเรือนต่างก็บนบานหลวงพ่อแช่มให้ช่วยขจัดปัดเป่าให้
									
										         
										ชาวเรือพวกหนึ่งลงเรือพายออกไปหาปลาในทะเลถูกคลื่น 
										และพายุกระหน่ำจนเรือจวนล่มต่างก็บนบานสิ่งศักดิ์ต่างๆ 
										ให้คลื่นลมสงบ แต่คลื่นลมกลับรุนแรงขึ้น 
										ชาวบ้านคนหนึ่งนึกถึงหลวงพ่อแช่มได้ 
										ก็บนหลวงพ่อแช่มว่าขอให้หลวงพ่อแช่มบันดาลให้คลื่นลมสงบเถิด 
										รอดตายกลับถึงบ้านจะติดทองที่ตัวหลวงพ่อแช่ม 
										คลื่นลมก็สงบ 
										มาถึงบ้านก็นำทองคำเปลวไปหาหลวงพ่อแช่ม 
										เล่าให้หลวงพ่อแช่มทราบและขอปิดทองที่ตัวท่าน 
										หลวงพ่อแช่มบอกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่จะปิดทองยังไง 
										ให้ไปปิดทองที่พระพุทธรูป 
										ชาวบ้านกลุ่มนั้นก็บอกว่าถ้าหากหลวงพ่อไม่ให้ปิดหากแรงบนทำให้เกิดอาเพศอีก 
										จะแก้อย่างไร 
										ในที่สุดหลวงพ่อแช่มก็จำต้องยอมให้ชาวบ้านปิดทองที่ตัวท่านโดยให้ปิดที่แขนและเท้า 
										ชาวบ้านอื่นๆ ก็บนตามอย่างด้วยเป็นอันมาก 
										พอหลวงพ่อแช่มออกจากวัดไปทำธุระในเมือง 
										ชาวบ้านต่างก็นำทองคำเปลวรอคอยปิดที่หน้าแขนของหลวงพ่อแทบทุกบ้านเรือน 
										จนถือเป็นธรรมเนียม
									
										         
										เมื่อกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จมาจังหวัดภูเก็ตนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่มไปหา 
										ก็ยังทรงเห็นทองคำเปลวปิดอยู่ที่หน้าแข้งของหลวงพ่อแช่ม 
										นับเป็นพระภิกษุองค์แรกของเมืองไทยที่ได้รับการปิดทองแก้บนทั้งๆ 
										ที่ยังมีชีวิตอยู่
									
										         
										แม้แต่ไม้เท้าของหลวงพ่อแช่ม 
										ซึ่งท่านถือประจำกายก็มีความขลัง 
										ประวัติความขลังของไม้เท้ามีดังนี้ 
										เด็กหญิงรุ่นสาวคนหนึ่ง 
										เป็นคนชอบพูดอะไรแผลงๆ 
										ครั้งหนึ่งเด็กหญิงคนนั้นเกิดปวดท้องจุดเสียดอย่างแรง 
										กินยาอะไรก็ไม่ทุเลา จึงบนหลวงพ่อแช่มว่า 
										ขอให้อาการปวดท้องหายเถิด 
										ถ้าหายแล้วจะนำทองไปปิดที่ของลับของหลวงพ่อแช่ม 
										อาการปวดท้องก็หายไป 
										เด็กหญิงคนนั้นเมื่อหายแล้วก็ไม่สนใจ 
										ถือว่าพูดเล่นสนุกๆ 
										ต่อมาอาการปวดท้องเกิดขึ้นมาอีก 
										พ่อแม่สงสัยจะถูกแรงสินบนจึงปลอบถามเด็ก 
										เด็กก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง 
										พ่อแม่จึงนำเด็กไปหาหลวงพ่อแช่มหลวงพ่อแช่มกล่าวว่าลูกมึงบนสัปดนอย่างนี้ใครจะให้ปิดทองอย่างนั้นได้
									
										         
										พ่อแม่เด็กต่างก็อ้อนวอนกลัวลูกจะตายเพราะไม่ได้แก้บน 
										ในที่สุดหลวงพ่อแช่มคิดแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้โดยเอาไม้เท้านั่งทับสอดเข้าให้เด็กหญิงคนนั้นปิดทองที่ปลายไม้เท้า 
										กลับบ้านอาการปวดท้องจุดเสียดก็หายไป 
										ไม้เท้านั่งทับของหลวงพ่อแช่มอันนี้ยังคงมีอยู่ 
										และใช้เป็นไม้สำหรับจี้เด็กๆ 
										ที่เป็นไส้เลื่อน เป็นฝีเป็นปาน 
										อาการเหล่านั้นก็หายไปหรือชงักการลุกลามต่อไป 
										เป็นที่น่าประหลาด
									
										
										หลวงพ่อแช่มมรณภาพในปี พ.ศ.2451
									
										
										         
										เมื่อมรณภาพ 
										บรรดาศิษย์ได้ตรวจหาทรัพย์สินของหลวงพ่อแช่มปรากฏว่าหลวงพ่อแช่มมีเงินเหลือเพียง 
										50 เหรียญเท่านั้น 
										ความทราบถึงบรรดาชาวบ้านปีนังและจังหวัดอื่นในมาเลเซีย 
										ต่างก็นำเงิน 
										เอาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น 
										มีข้าวสาร มีคนมาช่วยเหลือหลายเรือสำเภา 
										งานศพของหลวงพ่อแช่มจัดได้ใหญ่โตมโหฬารที่สุดในจังหวัดภูเก็ต 
										หรืออาจจะกล่าวได้ว่ามโหฬารที่สุดในภาคใต้ 
										บารมีของหลวงพ่อแช่มก็มีมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
										 
									
										2.ประวัติพระครูครุกิจจานุการ (ช่วง 
										กิสลัย) วัดฉลอง ภูเก็ต  
										พระครูครุกิจจานุการ (ช่วง กิสลัย) 
										วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต
									
										พระครูครุกิจจานุการ หรือ หลวงพ่อช่วง 
										เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๘ 
										พ่อแม่ของท่านเป็นชาวตำบลฉลอง 
										นำมาฝากให้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแช่มมาตั้งแต่เด็ก 
										ท่านจึงเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อแช่ม 
										ที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาการต่างๆ 
										ให้จนหมดสิ้น 
										ท่านมีความเชี่ยวชาญทางการเชื่อมและต่อกระดูกเป็นพิเศษ 
										จากการเสียสละและเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ 
										ทำให้ชาวบ้านให้ความเคารพนับถืออย่างสูง
									
										หลังจากหลวงพ่อแช่ม มรณภาพลงในปี พ.ศ. 
										๒๔๕๑ 
										หลวงพ่อช่วงจึงได้รับฉันทานุมัติแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแทน
									
										การจัดสร้างวัตถุมงคลในสมัยท่านเป็นเจ้าอาวาสในปี 
										พ.ศ. ๒๔๘๖ ท่านและอาจารย์เพรา พุทธสโร 
										แห่งวัดกลาง ร่วมกับ 
										ศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม 
										หลวงพ่อช่วง และพระอาจารย์เพรา 
										รวมทั้งได้จัดทำเหรียญรูปไข่รุ่นแรกขึ้น 
										โดยจัดสร้างที่วัด มงคลนิมิตร (วัดกลาง)
									
										หลวงพ่อช่วง มรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ 
										เมื่อท่านอายุ ๗๐ ปี 
										รวมครองตำแหน่งเจ้าอาวาส ๓๖ พรรษา
									
										26 ธันวาคม 2547.....แผ่นดินไหว ณ 
										ท้องทะเล อันดามัน เกิดคลื่นยักษ์  
										(Tsunami) โหมเข้าบริเวณชายฝั่ง ระนอง 
										พังงา กระบี่ ตรัง สตูล.....และ 
										ภูเก็ตถือว่าเป็นจังหวัดหน้าด่านภัยพิบัติในครั้งนั้นสร้างความเสียหายและเดือดร้อนถึง 
										326 หมู่บ้าน 54,672 คน ทั้งนี้ ไม่ได้ 
										นับรวมที่เสียชีวิต 5,374 
										คนกับสูญหายไปอีก 3,132 
										คนและถ้าตีความเสียหายมูลค่าเป็นเงิน 
										17,508.67 ล้านบาท 
										โดยไม่นับรวมสิ่งสาธารณประโยชน์ (ราวๆ 
										1,102.06 ล้านบาท) กับ 
										สิ่งแวดล้อมสลายซึ่งประเมินค่ามิได้ช่วงแห่งคาบเวลาที่เกิดเหตุ....ชาวภูเก็ตส่วนหนึ่งพากันหลบภัยแบบหนีตายไปแน่นขนัดที่วัดฉลอง  
										หรือวัดไชยธาราม  
										ด้วยศรัทธาและเชื่อมั่นว่า 
										บนผืนที่แห่งนี้ปลอดภัย 
										รอกระทั่งสถานการณ์เข้าสู่ สภาวะปกติ  
										สงบร่มเย็นแล้วจึงพากันแยกย้ายกลับถิ่นฐานวัดฉลอง...ในปริมณฑลเชื่อกันว่า 
										มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานเก่าแก่อยู่ 
										3 อย่าง คือ พระพุทธรูป 
										ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “พ่อท่านเจ้าวัด” 
										กับรูปหล่อชายชรานั่งถือตะบันหมากเรียกว่า 
										“ตาขี้เหล็ก” และ “นนทรีย์” 
										ซึ่งเป็นรูปหล่อยักษ์ถือกระบองน่าเกรงขาม 
										โดยศรัทธาว่า 
										มีอิทธิฤทธิ์ในด้านปกป้องคุ้มภัยพ่อแช่มกับหลวงพ่อช่วง 
										2 
										อริยสงฆ์แห่งภูเก็ตวัดฉลอง...เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ 
										ตั้งอยู่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ตำบลฉลอง 
										ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 8 กิโลเมตร 
										สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด 
										แต่สันนิษฐานว่าเป็นช่วงต้นรัตนโกสินทร์ 
										ในรัชกาลที่ 
										2ด้วยสมัยนั้น....พม่ายกทัพมาตีเมืองถลาง 
										ราษฎรจึงอพยพขึ้นมาตั้งหลักปักฐานที่นี่ 
										จนรอดปลอดภัยอยู่เย็นเป็นสุข 
										จึงได้สร้างวัดขึ้นเพื่อประกอบกิจทางศาสนา 
										โดยเชื่อและศรัทธาว่าปริมณฑลแห่งนี้เป็นชัยภูมิที่ดีมีความปลอดภัย  
										แล้วจึงอาราธนา 
										“พ่อท่านเฒ่า”มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก 
										ศิษย์เอก “พ่อท่านเฒ่า” 
										และเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อมาคือ 
										“หลวงพ่อแช่ม” อริยสงฆ์รูปนี้ 
										เป็นที่เลื่อมใสนับถือกันมากของ 
										ชาวภูเก็ตและใกล้เคียง 
										แม้ว่าจะละสังขารไปนานกว่านับศตวรรษ 
										ปัจจุบันความเลื่อมใสก็ยังมิคลาย 
										จะภัยเล็กภัยใหญ่ 
										จะมาถึงหรือยังไม่มา.....ก็ยังภาวนา 
										“หลวงพ่อแช่มช่วยด้วย.!!” 
										ด้านหน้าวัดฉลองหรือวัดไชยธารามหลวงพ่อแช่ม....เกิดที่ทับปุด 
										พังงา ในสมัยพระนั่งเกล้าฯ รัชกาลที่ 3 
										เมื่อปี 2370 เข้าสู่ร่มกา- สาวพัสตร์ ณ 
										วัดฉลอง ตั้งแต่เป็นสามเณรได้ ศึกษา 
										วิปัสสนาธุระและวิชาอาคมจนมีพลังแก่กล้า  
										จนเป็น 
										ที่เลื่อมใสจากทั่วทุกทิศก็หันมาพึ่งในบุญบารมี 
										สามารถบำบัดรักษาโรคต่างๆแม้ต้องคุณไสย 
										เพียง   
										บริกรรมคาถาแล้วใช้ไม้เท้าจี้จุด  
										ก็หาย ได้อย่างชะงัด ถือว่า 
										ไม้เท้าด้ามนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันหนึ่งคู่กับชีวิตของหลวงพ่อแช่ม...!! 
										เมื่อปี 2419 
										ได้เกิดภัยร้ายแรงและหนักหน่วงแก่สังคม 
										ด้วยชาวจีนอพยพรวมตัวกัน ตั้งเป็น 
										“อั้งยี่” 
										ก่อเหตุวุ่นวายจะเข้ายึดการปกครอง 
										ไล่ล่าฆ่าชาวบ้านแม้เจ้าหน้าที่ก็ต้องลดท่าล่าถอย 
										สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า 
										ถึงขั้นบุกทำลายเผาหมู่บ้านที่อยู่อาศัย 
										(ยังมีหลักฐาน ปัจจุบัน 
										หมู่บ้านนั้นมีชื่อว่า บ้านไฟไหม้) 
										เหรียญที่ระลึกหลวงพ่อแช่มเหตุการณ์ครั้งนั้น.....ผู้คนต่างหนีตายไปแออัดอยู่ที่วัดฉลอง 
										(เหมือนดั่งที่เกิด Tsunami 
										ครั้งที่ผ่านมา) 
										หลวงพ่อแช่มจึงเอาผ้าขาวม้ามาลงยันต์ 
										เป็นผ้าประเจียดให้ศิษย์โพกหัวแล้วต่อสู้กับอั้งยี่ 
										แล้วก็ปราบพวกกบฏเหล่านั้นสิ้นลงอย่างราบคาบ  
										ยุติความหวาด 
										คืนความสงบสุขให้กับชาวบ้านที่หนีร้อนไปพึ่งเย็น....ชื่อเสียงได้ขจรขจายมาตั้งแต่บัดนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง 
										รัชกาล ที่ 5 ทราบเรื่อง 
										จึงโปรดเกล้าฯให้หลวงพ่อแช่มเข้ามาในพระบรมมหา 
										ราชราชวัง พระราชทานสมณศักดิ์เป็น  
										พระครูวิสุทธิ-วงศาจารย์ญาณมุนี 
										มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต 
										อันเป็นตำแหน่งสูงสุดของบรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้น 
										และโอกาสเดียว 
										กันก็พระราชทานนามวัดฉลองเป็น “ไชยธาราม” 
										แต่ส่วนใหญ่....ก็ยังติดปากกันว่า 
										“หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง” 
										หลวงพ่อแช่ม....ละสังขารเมื่อวันเสาร์ที่ 
										18 เมษายน 2451 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ 
										ได้บันทึกเรื่องราวต่างทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดย่อยในปาฏิหาริย์ของ 
										หลวงพ่อแช่ม 
										ทั้งครั้งยังมีชีวิตและหลังมรณภาพมีตอนหนึ่งว่า.....ตั้งแต่หลวงพ่อแช่มมรณภาพไม่ได้เดินทางมาภูเก็ตอีกเลย  
										กระทั่งปี 2471 ได้ตาม 
										เสด็จฯพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 
										7 
										ขณะนั้นหลวงพ่อช่วงเป็นเจ้าอาวาสวัดฉลอง.....จึงแวะไปกราบนมัสการรูปหลวงพ่อแช่มภูเก็ตในอดีตยุคอังยี่รูปที่ตั้งบูชานั้นมีคนเอาทองคำแผ่นมาปิดแก้บนกันจนเต็ม 
										เว้นไว้เฉพาะตรงบริเวณใบหน้าหลวงพ่อแช่มให้รู้ว่าเป็นรูปใครเท่านั้น  
										แม้แต่ไม้เท้าของหลวงพ่อแช่มก็มีการปิดทองด้วยเช่นกัน.....แสดงให้เห็นถึงปฏิปทาในศรัทธาบารมีปี 
										2486 .....พระวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี  
										“เพรา  พุทธสโร” 
										เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ตสืบสานความเลื่อมใสด้วยการสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อแช่มกับหลวงพ่อช่วงประดิษฐานวัดฉลอง 
										จึงได้สร้างเหรียญที่ระลึกหลวงพ่อแช่ม 
										“พิมพ์ยันต์วรรค” 
										จ่ายแจกเป็นการหาทุนในการสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ระยะหลังๆ 
										เป็นของเก่าที่มีประสบการณ์มากมายกับ....เหตุการณ์ที่เกิดในปี 
										2547 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว 
										ซึ่งเกิดสึนามิ ผู้คนแห่หลบหนีภัยขึ้นไป 
										บนวัดฉลองอย่างหนาแน่น เป็นการเตือนความจำ 
										(ซึ่งพากันนอนกับดินกินกับทราย) 
										เสมือนเมื่อครั้งที่ชาวถลางหนีอั้งยี่เมื่อศตวรรษที่ผ่าน 
										ล่วงถึงศักราชนี้เป็นระยะเวลาที่ นานถึง 
										136 ปีรูปธรรมที่จักต้องบันทึกให้ยาวนาน  
										ชาวภูเก็ต 
										จึงได้สร้างเหรียญหลวงพ่อแช่มแบบรุ่นโบราณเป็น 
										อนุสรณ์ 
										เพื่อจ่ายแจกแก่ผู้ศรัทธาเลื่อมใสเตือนไว้มิให้เลือนลืม…136 
										ปี ชาวภูเก็ตปราบอั้งยี่ และ 8 ปี ที่ 
										รอดสึนามิ