Luang Por Noi Inthasaro, Wat Thammasala, Ban
Sam Ngam, Tambon Thammasala, Amphoe
Mueang Nakhon Pathom, Nakhon Pathom
Province
Remembering and paying homage to Luang
Por Noi, Wat Thammasala, on November 17,
1970 at approximately 6:34 p.m., sadness
overwhelmed Tambon Thammasala when news
of Luang Por Noi’s death from old age
was received at the age of 83 and in his
67th year as a monk. No matter how many
years pass, the fame of this revered
monk will never fade in the hearts of
his devoted disciples. Luang Por Noi,
Wat Thammasala, was a fellow
practitioner of the same era as “Luang
Pu Toh, Wat Pradu Chim Pli, Luang Por
Ngoen, Wat Don Yai Hom, Luang Pu Seng,
Wat Kalayan, etc.”
Luang Por Noi was born in Ban Nong Ao,
Tambon Thammasala, Amphoe Mueang, Nakhon
Pathom Province on May 12, 1883 at 4:00
a.m., during the reign of King
Chulalongkorn. According to the
horoscope on the silver plate kept as
history at Wat Thammasala, it appears as
follows: Year of the Goat, Benchasok,
Paritimasawa Athit Suradhin,
Chulasakarat 1245, May 12, Buddhist Era
2426, 04.00 a.m., Phra Laksana Sathit,
Aries 7th - Nadi 52nd, named Petch Rerk,
Moon 14 degrees, Ascendant 37, Buddha
Raksa, Thamma Raksa, Sangha Raksa,
Father Raksa, Indra Raksa, Phra... Raksa,
Deva Raksa, Mother Raksa, "Phra Achan
Noi"
On this occasion, all disciples joined
hands to be hosts, chanting Abhidhamma
every night until 100 days had passed.
It turned out that his body did not
decay. Later, in 1973, the temple built
a four-sided chapel to enshrine his body
so that disciples and respected people
could pay homage to him until today.
"Luang Pho Noi" has many miraculous
qualities. In particular, regarding the
knowledge of burying the boundary stone,
blessing the sand, and laying the sacred
pillars used for the foundation stone
laying ceremony, he was very famous. It
turned out that all the monastic
buildings he built were miraculously
sacred. As there is a legend that wicked
and coarse thieves who came to steal
valuables in those sacred places could
not escape. Even if they did, they would
have to come back to be caught.
In various Buddhist consecration
ceremonies, "Luang Por Noi Inthasaro",
the former abbot of Wat Thammasala,
Mueang District, Nakhon Pathom Province,
was often invited to join in the
consecration almost every time. Towards
the end of his life, he was frequently
invited to join other Buddhist
consecration ceremonies. For example, in
1957, he joined the gathering of 1,782
monks in the Buddhist consecration
ceremony to create the Phra Somdej
amulet and the image of Somdej Phra
Buddhacarya (To) as a memorial for the
middle of the Buddhist era.
There is a record of his history in the
book Gathering of Monks, with the
following important details: "Phra Ajahn
Noi Inthasaro, 77 years old, 57 years of
monkhood, abbot of Wat Thammasala,
Tambon Thammasala, inscribed with
Maha-ut, protection from evil, great
popularity, easy childbirth - safe,
protection from various dangers, easy
childrearing, weak children, protection
from miscarriage, put in the bottom of
the bag - never run out of money, have
power"
: Thank you to the page of the
Association for Wat Thammasala, Mueang
District, Nakhon Pathom Province
เหรียญหล่อหน้าเสือ รุ่นแรก
หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จังหวัดนครปฐม
โดย ช้าง วัดห้วย
เหรียญหล่ออันดับต้น ๆ
ของจังหวัดนครปฐมไม่มีใครไม่รู้จักเหรียญหล่อหน้าเสือรุ่นแรก
ของหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
เป็นเหรียญยอดนิยมเหรียญหนึ่งที่พุทธคุณเน้นหนักทางด้านมหาอุดหยุดกระสุนปืน
ซึ่งมีประสบการณ์มามากมาย
เป็นที่เชื่อถือของชาวจังหวัดนครปฐม
เริ่มแรก
ปกติหลวงพ่อน้อยจะไม่ชอบและไม่อนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคล
บรรดาลูกศิษย์ได้กราบเรียนขออนุญาตหลายครั้งก็ไม่อนุญาตจนได้รับการสนับสนุนของหลวงพ่อเงิน
วัดดอนยายหอม ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มักคุ้นกันมาก
สุดท้าย
บรรดาลูกศิษย์ก็ได้กราบเรียนขออนุญาตจัดสร้างอีก
แต่ครั้งนี้
หลวงพ่อไม่ได้กล่าวอนุญาตหรือปฏิเสธแต่อย่างใด
ทางบรรดาลูกศิษย์จึงถือว่าหลวงพ่อน้อยอนุญาตแล้ว
เหรียญหล่อหน้าเสือรุ่นแรก
เริ่มจัดสร้างประมาณปี 2498
ลักษณะเหรียญเป็นเหรียญหล่อรูปใบเสมา
ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อน้อยหน้าตรง
จีวรห่มคลุม
เหนือศีรษะหลวงพ่อเป็นแถบลายไทยมีจุดกลมอยู่กึ่งกลาง
รูปเหรียญล้อมรอบด้วยลายไทยมีเส้นคู่วิ่งรอบอยู่ด้านใน
ด้านหลังเหรียญตรงกลางเป็นยันต์นะทรงแผ่นดิน
ในการหล่อครั้งแรกหลวงพ่อน้อยให้ลูกศิษย์ทุบหุ่นออกเพื่อดูพิมพ์
เมื่อหลวงพ่อน้อยดูเหรียญที่ได้ถึงกับอุทานว่า
“หน้าดุอย่างกับเสือ” ใครเขาจะเอาไปใช้
จึงตั้งชื่อเหรียญนี้ว่า “พิมพ์หน้าเสือ”
เหรียญหลวงพ่อน้อย
หน้าเสือรุ่นแรก แบ่งออกเป็น
1.
เหรียญหน้าเสือรุ่นแรก เนื้อทองผสม
2.
เหรียญหน้าเสือรุ่นแรก เนื้อแร่ (เนื้อสีดำ)
การจัดสร้างวัตถุมงคลประเภทรูปหล่อหรือเหรียญหล่อของหลวงพ่อน้อยส่วนมากจะสร้างด้วยโลหะผสมทั้งสิ้น
แต่ที่พิเศษสุด
หลวงพ่อน้อยจะนำเอาแร่พิเศษซึ่งจัดเป็นจำพวก
“ทนสิทธิ์” คือมีความศักดิ์สิทธิ์
ตามธรรมชาติแร่ดังกล่าวคือ “แร่เกาะล้าน”
แร่ชนิดนี้ทางธรณีวิทยาจัดเป็นแร่เหล็กชนิดหนึ่งที่มีในธรรมชาติ
โบราณจารย์ถือว่าเป็นแร่วิเศษ
คุณสมบัติว่ากันว่า ขนาดน้อง ๆ
เหล็กไหลทีเดียว คุณลักษณะเด่น ๆ
ที่ได้จากงานหล่อพระเครื่องหลวงพ่อน้อยก็คือ
โลหะที่ผสมออกมาจะมีความสุกปลั่ง หมองยาก
และจะมีปรากฏแร่สีดำฝังอยู่ในเนื้อและบางส่วนก็ลอยกระจายอยู่บนพื้นเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ส่วนเรื่องแม่พิมพ์หลวงพ่อน้อยพิมพ์หน้าเสือรุ่นแรก
จากการสอบถามคนรุ่นเก่า ๆ และสอบถาม อ.เต็ก
นครปฐม
บอกว่าหน้าเสือรุ่นแรกไม่ว่าจะเป็นเนื้อทองผสมหรือเนื้อแร่
มีแม่พิมพ์หลายตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ส่วนตัวผู้เขียนเองเท่าที่ศึกษามาและค้นคว้ามาหลายปี
ผมว่ามีแม่พิมพ์ 2 ตัวแน่นอน
แต่วงการเล่นแค่แม่พิมพ์เดียวเท่านั้น
จริง ๆ ข้อมูลตรงนี้ไม่อยากจะพูดถึงหรอก
เพราะถ้าพูดมากอาจจะเข้าตัวได้
เอาเป็นว่าใครจะเชื่อก็เชื่อ
ใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องอ่านต่อ จริง ๆ
ความรู้ศึกษาไว้ไม่ได้เสียหายอะไร
ตอนนี้พอดีผมได้เช่าหน้าเสือรุ่นแรกเนื้อแร่
(จากหมวดตอบจดหมาย) แต่เป็นอีก 1 แม่พิมพ์
มาเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้เห็นว่าแตกต่างกันอย่างไร
ใกล้เคียงอย่างไร
ส่วนยันต์ด้านหลังเหรียญหน้าเสือรุ่นแรกไม่ว่าจะเป็นเนื้อทองผสมหรือเนื้อแร่
มี 2 แม่พิมพ์แน่นอน
เพราะมีตัวอย่างให้ดูด้วย
ซึ่งไม่ใช่พระของผู้เขียน
เป็นพระที่เล่นหาในวงการซึ่งเป็นมาตรฐาน
หลักการพิจารณาตำหนิพิมพ์ หลวงพ่อน้อย
หน้าเสือ รุ่นแรก
หลวงพ่อน้อย หน้าเสือ รุ่นแรก
1. เริ่มจากขอบบนก่อน
กนกแถวนี้ทั้ง 2
ฝั่งจะเป็นรูปคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ตรงนี้สำคัญ ควรจะจดจำให้แม่นยำ
2.
เส้นคู่บนตามลูกศรชี้จะต้องติดชัดเจน
ของเก๊ส่วนใหญ่จะติดไม่ชัด
3.
เส้นขอบคู่ปลายด้านบนตามลูกศรชี้ข้างขวาพระจะเปิด
ด้านซ้ายพระเส้นในจะโค้งงุ้มลงมาปิด
4.
เส้นขอบคู่เส้นในข้างขวาพระตามลูกศรชี้
จะมีเส้นบล็อกแตกโค้งออกมา 1 เส้น
5.
เปลือกตาตามลูกศรชี้ทั้งซ้ายและขวาจะโค้งสั้น
ส่วนลูกตาดำของหน้าเสือรุ่นแรกไม่ว่าจะเป็นเนื้อทองผสมหรือเนื้อแร่
จะเป็นแบบกลมใหญ่และควรจดจำลูกตาให้แม่นว่าตำแหน่งอยู่จุดไหน
6.
ตรงคางหลวงพ่อส่วนใหญ่จะบี้เหมือนถูกครูดขึ้นบน
ส่วนใต้คางถ้าติดดี ๆ จะมีเส้นบล็อกแตก 2
เส้น หรือจะเรียกเส้นเอ็นคอ 2 เส้นก็ได้
7.
จดจำเส้นจีวรของหลวงพ่อให้ดี
ตำแหน่งแรกตามลูกศรชี้
เส้นบริเวณนี้จะติดบางเกือบขาดจากกัน
ตำแหน่งที่สองคือเส้นคู่นี้ตรงปลายจะถ่างออก
8.
ข้างศีรษะของหลวงพ่อตามลูกศรชี้
ช่างจะแกะเป็นขีด ๆ ทั้ง 2 ข้าง
ก็คือเส้นผม
9.
ตรงกลางหน้าผากเหนือระหว่างคิ้ว
ตามลูกศรชี้ จะมีเนื้อนูนขึ้นมาแบบบาง ๆ
คล้ายรูป ข้าวหลามตัดแนวนอน
10. ถ้าหล่อติดดี ๆ
จะมีเส้นบล็อกแตก ตามลูกศรชี้
เป็นเส้นที่แตกออกมาจากเส้นขอบเส้นใน
11.
ยันต์ด้านหลังหลวงพ่อน้อยหน้าเสือรุ่นแรก
ไม่ว่าจะเนื้อทองผสมหรือจะเป็นเนื้อแร่
เท่าที่ศึกษาค้นคว้ามามีแม่พิมพ์ 2
ตัวแน่นอน ในเมื่อยันต์หลังมีแม่พิมพ์ 2
ตัวได้
ด้านหน้าของหน้าเสือรุ่นแรกจะมีแม่พิมพ์มากกว่า
1 แม่พิมพ์ไม่ได้หรือไง
ยันต์หน้าเสือรุ่นแรก ยันต์วงรี
ยันต์หน้าเสือรุ่นแรก
ยันต์วงกลม
ให้สังเกตเส้นยันต์ล้อมรอบตัวนะทั้งสามเส้น
รูปแรกวงยันต์ทั้งหมดจะออกทรงรีหรือวงรี
ทรงสูง รูปที่ 2 วงยันต์ทั้งหมด
จะออกเป็นทรงกลมทั้งสองรูปเป็นยันต์แท้และเป็นมาตรฐานที่วงการเล่นหากัน
ถ้าไม่สังเกตก็จะดูเหมือน ๆ กัน
เพราะมันใกล้เคียงกันมาก ๆ
12.
ให้สังเกตวงยันต์รุ่นแรกจะชิดขอบทางด้านขวามือเราตามลูกศรชี้
ส่วนหน้าเสือรุ่นอื่น ๆ
จะวางยันต์อยู่กึ่งกลาง
ยกเว้นหน้าเสือย้อนยุคปี 35
ยันต์จะวางชิดขอบเหมือนกับรุ่นแรก
13. ตรงหัวกลมของยันต์นะ
ตามลูกศรชี้ จะมีเส้นบล็อกแตก 1 เส้น
ถ้าหล่อติดดี ๆ จะเห็นได้ชัดเจน
14.
รอยคีมบีบเนื่องจากเหรียญหล่อหน้าเสือ
หลังจากทำการหล่อออกมาเสร็จแล้วจะมีเนื้อเกินตามขอบ
ๆ ช่างจึงใช้คีมบีบ (จับเหรียญยึดให้แน่น)
แล้วใช้ตะไบแต่งข้างให้เรียบ รอยคีมบีบ
จึงเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหน้าเสือรุ่นแรกเนื้อทองผสม
ลักษณะรอยคีมบีบจะเป็นรอยคล้ายฟันเฟือง
ดังลูกศรชี้ รอย
คีมบีบเกิดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
หรือบางเหรียญอาจจะไม่เกิดก็ได้
ข้อแตกต่างหน้าเสือ รุ่นแรก
ทั้งสองแม่พิมพ์
หน้าเสือ รุ่นแรก เนื้อทองผสม
หน้าเสือ รุ่นแรก เนื้อแร่
อีกพิมพ์
ก่อนอื่นเราจะขอเรียกหน้าเสือรุ่นแรกที่เล่นหากันอยู่ว่า
พิมพ์ที่ 1 ส่วนหน้าเสือรุ่นแรกเนื้อแร่
อีก 1 แม่พิมพ์ว่า พิมพ์ที่ 2
ข้อแตกต่างมีดังนี้
1. พิมพ์ที่ 1
ขอบบนกนกแถวนี้ทั้งซ้ายและขวา
จะเป็นรูปคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
พิมพ์ที่ 2
ขอบบนกนกแถวนี้ทั้งซ้ายและขวา
จะเป็นรูปคล้ายเครื่องหมายมากกว่าหรือน้อยกว่า
(ซึ่งเป็นเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์)
2. พิมพ์ที่ 1
เปลือกตาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
จะโค้งสั้น
พิมพ์ที่ 2
เปลือกตาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา จะโค้งยาว
3. พิมพ์ที่ 1 ลูกตาดำ
ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา จะเป็นทรงกลมใหญ่
พิมพ์ที่ 2
ลูกตาดำ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
จะเป็นทรงกลมเล็ก
4. พิมพ์ที่ 1
คิ้วทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา
จะค่อนข้างหนาใหญ่
พิมพ์ที่ 2
คิ้วทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา
จะค่อนข้างบางลึก
จุดแตกต่างที่เห็นชัดเจนก็มีแค่ 4
จุดเท่านั้น นอกนั้นจุดอื่น ๆ ก็เหมือน ๆ
กันกับพิมพ์ที่ 1 ทุกจุด
จากการสันนิษฐานและวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วว่าเป็นหลวงพ่อน้อยหน้าเสือรุ่นแรกแน่นอนแต่เป็นคนละแม่พิมพ์
หรือเรียกว่าคนละบล็อกก็ได้
ซึ่งแม่พิมพ์นี้มีทั้งเนื้อทองผสมและเนื้อแร่
ยันต์หน้าเสือ รุ่นแรก เนื้อทองผสม
ยันต์หน้าเสือ รุ่นแรก เนื้อแร่ พิมพ์ที่
2
ส่วนด้านหลังของหน้าเสือรุ่นแรก เนื้อแร่
พิมพ์ที่ 2
ก็เหมือนกับยันต์หน้าเสือรุ่นแรกทั่ว ๆ ไป
ยันต์หน้าเสือรุ่นแรกเนื้อแร่ พิมพ์ที่ 2
จะเป็นแบบยันต์วงรี
รายละเอียดของยันต์ก็เหมือน ๆ
กันทุกประการ
หมายเหตุ ขอขอบคุณเจ้าของภาพหน้าเสือ
เนื้อทองผสม รุ่นแรก